:::     :::

เมื่อหงส์ผงาด

วันอาทิตย์ที่ 03 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
50,695
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูลชนะ 5 เสมอ 1 ยิงได้ 19 ประตู จาก 6 เกม ล่าสุดที่ลงสนามในลีก ... เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ทำไมถึงสามารถพลิกฟอร์มจากทีมที่โดนไล่ยิง 4-1 5-0 กลับมาเป็นทีมที่ฟอร์มแทบจะดีที่สุดในเวลานี้ ที่นี่มีคำตอบ

ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าแค่ระยะเวลาเดือนนิดๆ ผลงานของลิเวอร์พูลจะดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา โดยเฉพาะหลังจากออกไปพลาดท่าพ่ายท็อทแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-1 ชนิดที่ว่ายับเยินทั้งผลการแข่งขัน และฟอร์มการเล่น ตกไปนอนจมอันดับ 9 ของตาราง พร้อมกับพายุดราม่าโหมกระหน่ำทั้งกับตัวนักเตะ และเจอร์เก้น คล็อปป์ จนแทบจะไม่มีที่ยืนกันเลยทีเดียว ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะกลับมาคืนฟอร์มโหด 6 เกม ชนะ 5 เสมอ 1 ไม่แพ้เลย แถมยิงสลุดถึง 19 ประตู เสียไปเพียงแค่ 3 ประตู โชว์เกมบุกเผ็ชชชชช จี๊ด พริก 10 เม็ด จนกลายเป็น talk of the town ในเวลานี้




ช่างแตกต่างกับท็อทแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่หลังจากเปิดบ้านทุบลิเวอร์พูลไส้แตก ไม่รู้ว่าฉลองกันเยอะเกินไปหรือเปล่า เมาค้างมาจนถึงทุกวันนี้ 4 เกมล่าสุดควานหาชัยชนะไม่เจอเลย เสมอ 2 แพ้ 2 ตกลงมาเป็นที่ 6 ของตาราง ตามหลังลิเวอร์พูลที่เร่งเครื่องแซงขึ้นไปอยู่ที่ 4 อยู่ถึง 4 คะแนนเลยทีเดียว


นี่แหละครับ เสน่ห์ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้อย่างท่วมท้นเพียงแค่นัดเดียว ไม่ได้บอกว่าคุณเป็นทีมที่ดีหรือแย่ สิ่งที่จะบอกได้ นั่นคือความสม่ำเสมอต่างหาก


กลับมาที่ลิเวอร์พูลกันต่อ ... ต้องยกเครดิตให้กับเจอร์เก้น คล็อปป์, ทีมงานโค้ช และรวมถึงผู้เล่นทั้งทีมด้วย ที่สามารถพาทีมกลับมายืนตรงจุดนี้ได้ หลังแพ้สเปอร์ส 4-1 คล็อปป์เรียกประชุมทีมทันทีในวันรุ่งขึ้น แทนที่จะปล่อยให้พักและฟื้นฟูร่างกายดั่งโปรแกรมปกติ พร้อมกับเปิดใจคุยกัน ชี้ข้อดี ชี้ข้อด้อย ในเกมล่าสุดที่เพิ่งพ่ายแพ้มา นัยคืออยากจะให้เรียนรู้จากความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด




นี่จึงเป็นที่มาของฟอร์มอันมหาโหดของทีมในเวลานี้


ปราการหลังที่เคยเป็นจุดอ่อน แม้ยังไม่ได้ถูกแก้ให้หายไปในทันที แต่ก็มีการดีไซน์แทคติกเข้ามาช่วยลดความกดดันของคู่ปราการหลังตัวกลาง เริ่มมีแบ็ค 1 คน ที่จะคอยประคอยใกล้คู่เซนเตอร์ ไม่เติมเกมขึ้นสูง ทำหน้าที่เหมือนเซนเตอร์ตัวที่ 3 เวลาโดนเกมสวนกลับ เซนเตอร์ก็จะไม่ต้องรับภาระหนักจนเกินไป ซึ่งก็ได้ผลนะ ปริมาณการเสียประตูลิเวอร์พูลลดลงอย่างชัดเจน


บุคลากรอาจจะขาดแคลนไปหน่อย (กองหลัง) แต่ถ้าไม่บ้าบุกมันจนเหลือแค่เซนเตอร์ 1-2 คน ยืนห้อยอยู่ ผมว่าลิเวอร์พูลก็ยังมีทีมที่ดีกว่าหลายๆทีมในลีกนะครับ แค่เล่นให้รัดกุมขึ้นเท่านั้นพอ


แต่ที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาจริงๆ ก็เกมรุกของลิเวอร์พูลนี่แหละครับ หลังจากใช้เวลาจูนกันกว่า 2-3 เดือน ในที่สุดสิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์ หวังจะให้เกิดขึ้นก็ผลิดอกออกผลสักที ... เริ่มจากความร้อนแรงของโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ "กษัตริย์ฟาโรห์" ที่ยิงระเบิดจนฮอตติดลมบนกลายเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกไปแล้วในตอนนี้ เมื่อมาผนึกกำลังกับของเดิมอย่างโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กลายเป็น  "4 มหัศจรรย์แห่งแอนฟิลด์" ที่แค่มองตากันก็รู้ใจ อย่างที่เราเห็นบ่อยๆในทีวี และล่าสุดในเกมไล่ถล่มไบร์ทตันเละเทะคาบ้าน 5-1


ทำไมมันเล่นดีจัง ทำไมมันเล่นดีกว่าชาวบ้านเค้า !!!




นี่ขนาดส่งผู้เล่นตัวเก่งลงแค่ 3 คน จาก 4 คน ข้างบนลงสนามนะ ถ้าส่งลงหมดจะขนาดไหน !!


อีกเรื่องที่ต้องชื่นชมคล็อปป์เลย คือ คล็อปป์กล้าที่จะ Rotation พักตัวหลัก ส่งตัวสำรองลงสนามไปเล่นแทนตั้งแต่ต้นเกม โดยที่ไม่ห่วงว่าจะเจอกับทีมใหญ่หรือเล็ก ขอแค่มีเกมแข่งขัน คล็อปป์ พร้อมเปลี่ยนทีมเสมอ จากสถิติบอกมาว่า พรีเมียร์ลีก ผ่านไป 15 เกม เจอร์เก้น คล็อปป์ มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตัวจริงในเกมนัดถัดไปสะสมมากกว่า 54 ครั้ง มากกว่าทุกทีมร่วมลีก


ถ้าจะถามหาสาเหตุว่าเพราะอะไร คงต้องย้อนกลับไปในฤดูกาลก่อน ที่คล็อปป์ต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ นักเตะกลับไปรับใช้ชาติ มากเหลือเกิน ที่เหลือก็เล่นกันจนกรอบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนเป็นเหตุให้ทีมฟอร์มตก หลุดวงโคจรการลุ้นแชมป์ไปตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งๆที่ก่อนเปลี่ยนปีปฎิทินพวกเขายังเป็นทีมเต็งอยู่เลย


ปีนี้ด้วยจำนวนเกมที่ลงสนามมากกว่าฤดูกาลก่อน เนื่องจากมีเกมถ้วยยุโรป การถนอมผู้เล่นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นหากอยากมีลุ้นไปยาวๆ 


เราจึงได้เห็นผู้เล่นอย่างมาเน่ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงเล่นแค่สัปดาห์ละเกมในช่วงนี้ เพื่อป้องกันร่างกายรับไม่ได้จนต้องกลับไปบาดเจ็บซ้ำอีก นี่ก็เป็นเหตุผลเช่นเดียวกับอดัม ลัลลาน่า ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บที่ต้องพักนานร่วม 4 เดือน ยังไม่มีโอกาสลงเล่นเต็มๆเกม ก็เพราะว่า ยังไม่อยากจะเสี่ยงให้ลงไปแล้วเจ็บซ้ำอีกครั้ง


แต่อีกไม่นาน ทั้ง 2 คนนี้จะกลับมาเป็นกำลังหลักให้กับลิเวอร์พูล แน่นอน 




การบุกไปเอาชนะไบร์ทตัน 5-1 ถือว่าเป็นการขวัญกำลังใจที่ดีให้กับทีม ก่อนที่จะเจอแมทซ์สำคัญติดต่อกัน 3 เกม ในระยะเวลาแค่ 10 วัน เท่านั้น


วันที่ 5 ธันวาคม เปิดบ้านชี้ชะตาว่าทีมจะเข้ารอบต่อไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้หรือไม่ โดยมีสปาร์ตัก มอสโก เป็นผู้มาเยือน


วันที่ 10 ธันวาคม เปิดบ้านทำศึก "เมอซีย์ไซด์ ดาร์บี้" กับเอฟเวอร์ตัน ที่เพิ่งได้ตัวแสบอย่าง แซม อัลลาไดซ์ มาคุมทีม


และนัดสุดท้ายวันที่ 13 ธันวาคม เปิดบ้านอีกแล้ว รับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ช อีกเช่นกัน


3 เกมนี้ จะวัดเลยว่า ลิเวอร์พูล ฤดูกาลนี้ เหมาะกับตำแหน่งผู้ท้าชิงแชมป์กับเขาหรือไม่ สิ่งที่คล็อปป์ rotation มา อาจจะต้องเก็บมาใช้กับเกมสำคัญเหล่านี้ให้หมด


ความรู้สึกผมมันบอกว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ลิเวอร์พูล น่าจะมีถ้วยอะไรติดไม้ติดมือบ้าง ไม่มือเปล่าแน่ๆ


แค่เขียน ผมก็ตื่นเต้นแทนแฟนลิเวอร์พูลแล้วครับ 


เอาใจช่วยคล็อปป์ให้ทำให้ได้ครับ #YNWA



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด