:::     :::

ก้าวต่อไปของ'เบลลิงแฮม'

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,909
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จูด เบลลิงแฮม แข้งดาวโรจน์ชาวอังกฤษวัย 17 ปีตัดสินใจย้ายมาพัฒนาตัวเองและแสวงหาความท้าทายในอาชีพค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ทีมดังของเยอรมันที่พร้อมผลักดันผู้เล่นอายุน้อยขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ถ้าหากฝีเท้าดีพอ

ดอร์ทมุนด์ ยอมจ่ายเงิน 25 ล้านยูโรเพื่อเซ็นสัญญากับ จูด เบลลิงแฮม ซึ่งกลายเป็นนักเตะอายุ 17 ปีที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์ของลีกเมืองเบียร์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา 

ทีมเสือเหลืองเคยประสบความสำเร็จในการลงทุนกับแข้งวัยรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง เจดอน ซานโช่, เออร์ลิง ฮาแลนด์ หรือ โจวานนี่ เรย์น่า ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าลงทุนกับหนุ่มจูด ทั้งที่เพิ่งลงเล่นอาชีพกับ เบอร์มิงแฮม เพียงซีซั่นเดียวเท่านั้น 

แน่นอนว่าการเซ็นสัญญากับ เบลลิงแฮม ทำให้แฟนๆทีมเสือเหลืองจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าหนุ่มจูดเป็นใคร? มาจากไหน? เหตุใดสโมสรจึงยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อเด็กคนนี้?


จูด เบลลิงแฮม เกิดที่สตอร์บริดจ์, เวสต์ มิดแลนด์ส เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2003 เขาเป็นลูกชายคนโตของ มาร์ค เบลลิงแฮม นายตำรวจเขต เวสต์ มิดแลนด์ส และมีดีกรีเป็นดาวซัลโวของลีกสมัครเล่นที่มีการบันทึกว่ายิงถึง 700 ประตู น้องชายของหนุ่มจูด ชื่อ โจบี้ เป็นหนึ่งในสมาชิกของอะคาเดมี่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เช่นเดียวกัน

หนุ่มจูดเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในอะคาเดมี่ของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เขาเล่นกับทีมยู-8 ปี ก่อนก้าวกระโดดขึ้นมาเล่นทีมยู-18 ตอนอายุเพียง 14 ปี และลงประเดิมสนามกับทีมยู-23 ตอนอายุ 15 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2018 ในเกมเยือน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เขาลงเล่นเกมดังกล่าวหลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ก่อนยิงประตูเดียวของเกมในช่วงนาที 87 

เบลลิงแฮม ขยับขึ้นทีมชุดใหญ่ในอีก 2 ปีถัดมา เริ่มต้นด้วยการฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นที่ประเทศโปรตุเกส เขาลงสนามและยิงประตูในเกมอุ่นเครื่องและได้รับเสื้อแข่งหมายเลข 22 ลงเล่นฤดูกาล 2019-2020 


ก่อนหนุ่มจูดจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นกับสโมสรเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2019 ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับ 38 วัน ทำลายสถิติเดิมของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ที่เคยลงสนามด้วยอายุ 16 ปีกับ 139 วันในปี 1970 เมื่อเขาออกสตาร์ทในเกม อีเอฟแอล คัพ รอบแรก นัดเยือนถิ่น พอร์ทสมัธ เขาลงเล่น 80 นาทีในเกมพ่ายทีมปอมปีย์ 0-3 แต่ 'เบอร์มิงแฮม เมล' สื่อท้องถิ่นยกให้เขาเป็น 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์'

เบลลิงแฮม ลงเล่นเกมลีกครั้งแรกในอีก 19 วันต่อมา ฐานะตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังของเกมเยือนถิ่น สวอนซี ก่อน เบอร์มิงแฮม จะพ่าย 0-3 จากนั้นหนุ่มจูดได้ลงเล่นในถิ่น'เซนต์ แอนดรูว์'ครั้งแรกในเกมรับมือ สโต๊ค ซิตี้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมปีเดียวกัน โดยลงสนามฐานะสำรองหลังเกมผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงแทน เจฟเฟร์ซอน มอนเตโร่ ที่บาดเจ็บระหว่างเกม เขายิงประตูให้ เบอร์มิงแฮม จากที่เป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 แซงชนะทีมช่างปั้นหม้อ 2-1 พร้อมสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูกับ เบอร์มิงแฮม ด้วยวัย 16 ปีกับ 63 วัน


เขาออกสตาร์ทครั้งแรกในเกมเยือน ชาร์ลตัน แอธเลติก ในอีก 2 สัปดาห์ถัดมาและทำประตูเดียวของเกมจากการผ่านบอลมาให้ของ เคริม เอ็มรับตี้ 

นับจากนั้นหนุ่มจุดมีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม แบบต่อเนื่อง บางครั้งลงเล่นฐานะสำรอง แต่ส่วนใหญ่จะออกสตาร์ทตัวจริง เขาเริ่มต้นเล่นตำแหน่งปีกซ้ายก่อนปรับย้ายมาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขาเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นและมีบทบาทกับทีมมากขึ้นเมื่อสตาฟฟ์โค้ชมั่นใจว่าหนุ่มจูดสามารถรับมือกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได้ 

เขากลายเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนของ อีเอฟแอล ซึ่ง โจเซป โกลเต็ต รูอีซ หรือ เป๊ป โกลเต็ต กุนซือชาวสเปนซึ่งเป็นนายใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม ขณะนั้นกล่าวว่า 'เบลลิงแฮม รู้สึกสบายใจมากขึ้นในการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางและมีความลงตัวมากขึ้นเมื่อเขาสามารถขยับเข้าใกล้กรอบเขตโทษคู่แข่งมากขึ้น'


นับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา หนุ่มจูกตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรชั้นนำมากมาย ตามรายงานระบุว่า เบอร์มิงแฮม ปฏิเสธข้อเสนอมูลค่า 20 ล้านปอนด์จาก แมนฯยูไนเต็ด พร้อมยืนยันว่านักเตะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านปอนด์ 

ขณะที่ เบลลิงแฮม ยังได้ลงเล่นตัวจริงต่อเนื่องจนกระทั่งฤดูกาลจะหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส'โควิด-19' ซึ่งเขาลงเล่นเกมลีก 31 เกมและออกสตาร์ทถึง 24 นัด ทำ 4 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ ก่อนจะกลับมารีสตาร์ทซีซั่นในช่วงเดือนมิถุนายน เขาจบฤดูกลด้วยการลงเล่นทุกรายการ 44 เกม ซึ่งเป็นการลงเล่นบนเวทีแชมเปี้ยนชิพ 41 นัดพร้อมมีส่วนช่วย เบอร์มิงแฮม รอดพ้นการตกชั้นฉิวเฉียด 

เบลลิงแฮม ลงเล่นเกมส่งท้ายบนสังเวียน 'เซนต์ แอนดรูว์' ในเกมเปิดฤดูกาลระหว่าง เบอร์มิงแฮม กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก่อนทีมตราลูกโลกจะพ่ายคารัง 1-3 ซึ่งหนุ่มจูดลงเล่นตัวจริงก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามช่วงนาที 80 พร้อมการหลั่งน้ำตาอำลาสโมสรที่เขารัก 


'ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเก็บซ่อนมันไว้ แต่บางครั้งมันก็ยากนะ'

'ผมรักสโมสร ผมเป็นแฟนตัวยงของสโมสรแห่งนี้' 

'ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ไม่ใช่แค่เพื่อเล่นในโรงเรียนเท่านั้น ผมตกหลุมรัก เบอร์มิงแฮม และจากนั้นก็ตกหลุมรักฟุตบอล'

'ดังนั้นผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองและน้องชาย, แม่และพ่อ ที่หมายถึงโลกของเรา'

'เราหลั่งน้ำตากันและผมเสียใจมากเกี่ยวกับการปิดฉากลง แต่ในขณะเดียวกันผมมองในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตและรอคอยสิ่งนั้น'


เบลลิงแฮม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวตัดสินใจเลือกย้ายมาค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ เนื่องจากพวกเขาเชื่อมั่นว่าทีมเสือเหลืองเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพัฒนาฝีเท้าเพื่อการเป็นนักเตะที่ดีขึ้นในอนาคต

ดอร์ทมุนด์ เคยพิสูจน์ให้เห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่าอายุของนักเตะไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางการลงสนามถ้าหากพวกเขามีฝีเท้าดีพอ เหมือนอย่างที่ทีมเสือเหลืองส่ง คริสเตียน พูลิซิช, เจดอน ซานโช่ กับ โจวานนี่ เรย์น่า ลงประเดิมสนามบนเวทีบุนเดสลีกาด้วยวัยเพียง 17 ปี 

ย้อนกลับไปในทีมเสือเหลืองชุดคว้าแชมป์ลีกเมืองเบียร์ซีซั่น 2010-2011 ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ทีมเสือเหลืองขณะนั้นยังมี นูรี ชาฮิน เป็นขุมกำลังสำคัญหลังเคยเปิดตัวฐานะนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นบุนเดสลีกาเกมแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2005 ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับ 335 วัน


แน่นอนว่าต้องมีคำถามเกิดขึ้นว่า จูด เบลลิงแฮม เป็นนักเตะที่เล่นสไตล์ไหน? คล้ายกับนักเตะคนใดมากที่สุด? 

เจอร์เมน เพนแนนท์ อดีตนักเตะของ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เปรียบเทียบการเล่นของหนุ่มจูดมีความละม้ายคล้าย สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมหงส์แดง แต่นั่นเป็นความคิดส่วนตัวของ เพนแนนท์ เท่านั้น อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด

'เขาทำให้ผมนึกถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตอนหนุ่มๆ' เพนแนนท์ กล่าวถึงหนุ่มจูดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา 'เขาผลักดันตัวเอง เขาสามารถก้าวขึ้นมาและลงสู่สนาม เขาสามารถยิงประตูและแอสซิสต์ เขามีเล่ห์เหลี่ยม เขาเป็นนักเตะหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาก'


เมื่อพูดถึงแนวทางการเล่นของ จูด เบลลิงแฮม เขาเป็นมิดฟิลด์สไตล์'บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์' แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะไม่ได้เล่นในเกมของเขาก็ตาม ก่อน เป๊ป โกลเต็ต จะปรับมาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่มีบทบาทกับทีมมากขึ้น กุนซือชาวสเปนยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่าหนุ่มจูดสูงขึ้นจากช่วงต้นฤดูกาลจนถึงช่วงเดือนมกราคมปี 2020 ราว 2.4 เซนติเมตร และการปรับตำแหน่งการเล่นทำให้เขามีส่วนร่วมทั้งการสนับสนุนเกมรุกและการเล่นเกมป้องกัน ซึ่งเขาพิสูจน์แล้วว่าสามารถรับมือกับการใช้พละกำลังต่อกรบนเวทีแชมเปี้ยนชิพแบบไร้ปัญหา

เบลลิงแฮม ยังเคยลงเล่นฐานะกัปตันทีมชาติอังกฤษชุดยู-17 ปี เขาลงเล่นหลายตำแหน่งในช่วงเริ่มต้นอาชีพ แต่ใจเขาต้องการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางบทบาทเดียวกับ เจอร์ราร์ด โดยหวังเจริญรอยตามอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษและลิเวอร์พูล 


มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของ ดอร์ทมุนด์ กล่าวถึงสมาชิกใหม่รายล่าสุดของทีมเสือเหลืองว่า 'จูด เบลลิงแฮม เลือกสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่างมั่นใจ แน่นอนมันเป็นแง่มุมด้านกีฬาที่เราแสดงให้เขาเห็น เขามีศักยภาพมหาศาล ซึ่งเราต้องการพัฒนาร่วมกันต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขามีคุณภาพที่น่าประหลาดใจทั้งตอนที่มีและไม่มีบอล เหนือสิ่งอื่นใดเขายังมีสภาพจิตใจแข็งแกร่ง'

'เราเห็น จูด ในฐานะกำลังเสริมทีมชุดแรกของเราทันทีและจะให้เวลาเขาเพื่อปรับตัวในการเล่นระดับที่สูงขึ้น' 

หนุ่มจูดกล่าวในวันเปิดตัวกับ ดอร์ทมุนด์ ว่า 'ผมไม่สามารถขอบคุณ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ได้มากพอกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำให้ผมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่นับตั้งแต่ผมอายุ 7 ขวบ มันเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับสตาฟฟ์และเพื่อนร่วมทีมทั้งหมดของผมในช่วงเวลานั้นและผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาทุกอย่างสำหรับสิ่งที่พวกเขาช่วยให้ผมเติบโตในฐานะนักเตะและคนๆหนึ่ง' 


'น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสแสดงการขอบคุณต่อแฟนๆที่ผมสร้างความสัมพันธ์แนบแน่นตลอดปีที่ผ่านมา แต่ผมแน่ใจว่าพวกเขารู้ว่าผมรักพวกเขามากแค่ไหน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม ผมขออวยพรให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรประสบความสำเร็จ เมื่อเป็นสีน้ำเงินแล้วก็จะเป็นสีน้ำเงินตลอดไป'

ด้าน เป๊ป โกลเต็ต กล่าวถึงลูกทีมคนเก่งเพิ่มเติมว่า 'ช่วงซัมเมอร์นี้ เขาเติบโตขึ้นมาก เขาเป็นคนเงียบขรึม, มีพื้นฐานดี, มีความเป็นมืออาชีพและโตเป็นผู้ใหญ่มาก มันยากที่จะบอกว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อคุณมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่อย่างเขาตั้งแต่อายุยังน้อย'

'เขาเป็นนักเตะล้ำสมัยเพราะเขาสามารถเล่นหลากหลายตำแหน่งในมิดฟิลด์ เขาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง, ปีกและกองหน้า เขาเล่นได้ทุกพื้นที่ ถ้าผมใส่ จูด ในทีมชุดแรก โค้ชฝ่ายตรงข้ามคงจะคิดไม่ออกว่าเขาจะเล่นตำแหน่งใด จูด พร้อมเรียนรู้เสมอเพราะเขามีความต้องการสูงในตัวเขาและฟอร์มการเล่นของเขา' 


ส่วน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเคยนำทีมจิ้งจอกลงเผชิญหน้ากับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ของ เบลลิงแฮม ในศึก เอฟเอ คัพ กล่าวถึงมิดฟิลด์หนุ่มของทีมตราลูกโลกว่า

'พวกเขามีผู้เล่นที่มีความสามารถหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มที่ชื่อ เบลลิงแฮม ที่อายุเพียง 16 ปี เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมาก จากการเคยทำงานในแชมเปี้ยนชิพและเข้าใจว่ามันยากแค่ไหนในการทำแบบนั้น ลงเล่นแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ในระดับนั้น สำหรับเด็กอายุ 16 ปีเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพ, บุคลิกภาพและความสามารถพิเศษเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ'

เบลลิงแฮม เซ็นสัญญา 5 ปีกับ ดอร์ทมุนด์ รับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 60,000 ปอนด์ ซึ่งคาดว่า ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ทีมเสือเหลืองจะส่งแข้งดาวรุ่งชาวอังกฤษลงเล่นมิดฟิลด์คู่กลางกับ อักเซิล วิตเซล หรือ เอ็มเร่ ชาน ในระบบ 3-4-3 ขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มจากเบอร์มิงแฮมจะสามารถแจ้งเกิดตามรอยรุ่นพี่อย่างหนุ่มเจดอนหรือไม่เท่านั้น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด