"Oh, he wears the No 20. He will take us to victory,
And when he’s running down the left wing, he’ll cut inside and score for LFC,
He’s a lad from Portugal. Better than Figo don’t you know,
Oh, his name is Diogo."
เสียงเพลงสดุดีจากเดอะค็อปพุ่งตรงสู่ โชต้า ไม่ขาดสายหลังเขาเหมาคนเดียว 2 ประตูใส่ อาร์เซน่อล และทำให้ยอดรวมในซีซั่นนี้ทะลุไปถึง 14 เม็ดรวมทุกรายการเข้าไปแล้ว
เจมส์ เพียร์ซ เขียนบทความยกย่อง โชต้า ใน ดิ แอทเลติค ไว้น่าสนใจครับ กูรูหงส์แดงคนดังกล่าวว่าหัวจิตหัวใจของนักเตะจากโปรตุเกสรายนี้ใหญ่กว่าร่างกายเยอะ ทั้งที่รู้ดีว่าการย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล มีโอกาสเป็นตัวสำรองมากกว่าได้ลงตัวจริงเพราะมี ฟิร์มิโน่มาเน่ และ ซาล่าห์ ยืนขวางทางอยู่ แต่ โชต้า ผายมือยอมรับความท้าทายนั้นด้วยความมุ่งมั่นตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามา
เขาพิสูจน์ตัวเองด้วยฝีเท้าให้เห็นแล้วว่า เขามีดีกว่าการเป็นสำรองตัวพลิกเกม แต่เขามาที่แอนฟิลด์เพื่อขอเป็นตัวจบสกอร์ที่โค้ชต้องส่งลงสนาม
เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่นชอบทัศนคติและความมุ่งมั่นจาก โชต้า เป็นอย่างมาก นักเตะบางคนอาจท้อแท้หรือผิดหวังในยามที่ต้องเป็นสำรอง แต่กับ โชต้า แล้วมันต่างออกไป
"ผมจะพยายามทำงานให้หนักมากขึ้นเพื่อรอโอกาสของตัวเอง คล็อปป์เป็นกุนซือที่มีสไตล์การทำงานในแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เขาคลุกคลีกับนักเตะ และหลังจบการซ้อมเขามักจะส่งข้อความต่าง ๆ มาหาพวกเราอยู่เสมอ นั่นทำให้เราทุกคนรู้ว่าอยู่ในความสนใจของเขาทุกเวลา"
โชต้า ประเดิมช่วงแรกกับทีมด้วยคุณภาพคับแก้ว เขาออกสตาร์ตด้วยการยิงได้ 7 จาก 10 เกมแรก รวมถึงยังทำแฮตทริคใส่ อตาลันต้า ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกต่างหาก
โชคร้ายที่ในเดือนธันวาคม เขาได้รับบาดเจ็บเข่าจนต้องพักฟื้นยาวกว่า 3 เดือน และช่วงที่เขาไม่อยู่ ลิเวอร์พูล เองก็ผลงานย่ำแย่ตามลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน
"ผมต้องพักเกือบ 3 เดือน มันคืออาการบาดเจ็บที่นานที่สุดในอาชีพค้าแข้งของผม และยังมาเกิดขึ้นในตอนที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยอีกต่างหาก นั่นเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่"
"เมื่อนั่งดูเกมแล้วทีมทำผลงานไม่ดี ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเพราะช่วยอะไรทีมไม่ได้เลย ดังนั้นพอผมกลับมาเล่นได้อีกครั้ง ผมเลยจดจ่อกับทุกอย่างที่สามารถเอามาพัฒนาและช่วยเพิ่มศักยภาพให้ทีมได้มากที่สุด"
16 เดือนนับตั้งแต่ย้ายจาก วูลฟ์แฮมป์ตัน มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ดาวเตะชาวโปรตุเกสลงเล่นไป 57 นัดยิงได้ 27 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ โดยเป็นการออกสตาร์ตตัวจริงเพียง 41 นัดเท่านั้น
แต่กับในฤดูกาลนี้ โชต้า ฉกฉวยโอกาสช่วงที่ ฟิร์มิโน่ ได้รับบาดเจ็บจนก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจหลักของทีมได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะรูปร่างไม่สูงแต่ทักษะการหาที่ว่าง, สปริงข้อเท้าที่ดี รวมถึงสัญชาตญาณการจบสกอร์ที่เฉียบคมในกรอบเขตโทษ คือสิ่งที่ โชต้าทำได้ดีกว่า ฟิร์มิโน่ ค่อนข้างชัดเจน
ทวิตเตอร์ของ twenty3 ได้จำแนกจังหวะการหาช่องทำประตูของ โชต้า ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ทั้งหมดมาให้ได้ชมกัน โดยแบ่งเป็นเท้าซ้าย 9, เท้าขวา 11 และ โหม่ง 7 ลูก
อย่างที่เห็นในรูปประกอบ ความอันตรายของ โชต้า คือการป้วนเปี้ยนในกรอบ 18 หลาครับ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากในการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดได้ลุ้นทำประตู และกระจัดกระจายไปได้หมดทั้งฝั่งซ้ายและขว่แม้ว่าจะเล่นหน้าเป้าก็ตาม ด้วยสิ่งนี้นี่แหละครับถึงทำให้ โชต้า เป็นนักเตะที่ช่วยดึงกองหลังออกมาจากโซนจนทีมมีพื้นที่มากขึ้น
ทั้ง 27 ประตูที่เขายได้มีแค่ลูกเดียวเท่านั้นที่มาจากนอกกรอบเขตโทษ นั่นจึงยิ่งตอกย้ำความเก่งกาจของเขาในเรื่องจมูกไวบนกรอบ 18 หลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
"เรามั่นใจในตัวเขามาตลอดว่าจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ลิเวอร์พูล" เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดถึง โชต้า "หลังจากหายเจ็บกลับมา เขาได้ก้าวไปอีกขั้นและกำลังกลายเป็นกองหน้าระดับโลกในอีกไม่นาน"
ความกังวลที่เคยมีเรื่องการขาดหายไปของ ซาล่าห์, มาเน่ และ เกอิต้า ตอนเดือนมกราคมกำลังได้รับการพิสูจน์ว่า ดิโอโก้ โชต้า คนนี้ก็สามารถแบกเกมรุกเอาไว้ได้เหมือนกัน หากเกมวันนี้สามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้อีก จะเป็นสัปดาห์ที่ เดอะ ค็อป ลุกโชนไปด้วยความหวังอย่างแน่นอน เพราะเมื่อคืนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งจะพลาดเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ไป 1-1
หันไปมองมกราคมปีที่แล้วหรือปีก่อน ๆ ช่วงเวลานี้มักเป็นเดือนที่ คล็อปป์ ขาดโชคและเสียแต้มอยู่บ่อยครั้ง แต่ในปีนี้ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เริ่มกลับมาซ้อมเดี่ยวได้แล้ว, มีดาวรุ่งอย่าง เคด กอร์ดอน ยืดเส้นยืดสายพร้อมพิสูจน์ตัวเอง, เทรนต์ กำลังท็อปฟอร์ม ส่วนแบ็คซ้ายไม่ว่าจะเป็น ร็อบโบ้ หรือ ซิมิกาส ถือว่าทดแทนกันได้สบาย
และในแดนหน้า การมีอยู่ของ โชต้า ร่างอัพเกรดกำลังช่วยแบ่งเบาภาระการทำประตูได้เยอะมาก เขาไม่ได้ยืนปักหลักรอยิง แต่เป็นกองหน้าสมัยใหม่ที่วิ่งพล่านไปทั่วและโผล่มาอีกทีคือ ปัง! เป็นสกอร์
"Diogo on fire" คล็อปป์ ให้คำจำกัดความลูกทีมคนโปรดไว้แบบนี้ "เขามีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อสำหรับเรา การผสมผสานทักษะของเขาน่าตื่นเต้น เขาจะอยู่ในฟอร์มแบบนี้ไปอีกนานเลย"
ดิโอโก้ โชต้า เฝ้ารอโอกาสในทีมมาค่อนข้างนาน เขาเคยโชคร้ายต้องเจ็บยาวจนไม่สามารถปล่อยของที่มีในตัวออกมาได้มากนัก
แต่ในวันนี้ เขากำลังแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาอย่างทะลักล้น ยิ่งในยามที่ทีมต้องการพึ่งพาใครสักคนหน้ากรอบเขตโทษ ยิ่งทำให้เขากลายเป็นความหวัง เป็นคนสำคัญในการทำประตูที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลยสักนาทีเดียว
