:::     :::

ย่อยประวัติ หลุยส์ ดิอาซ และเขาจะยืนตรงไหนในแผงเกมรุกหงส์แดง (มีคลิป)

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
2,381
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากนักเตะร่างผอมเกร็ง สู่ปีกตัวทีเด็ดซึ่งยิงประตูเท่า ลิโอเนล เมสซี่ ในโคปา อเมริกา ปีที่แล้ว ชีวิตที่ผ่านมาของ หลุยส์ ดิอาซ ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องต่อสู้และเอาชนะอะไรมาบ้าง รวมถึงจะเข้ามายืนตรงไหนในถิ่นแอนฟิลด์ ทั้งหมดทั้งมวลถูกรวบรวมเอาไว้ใต้บทความนี้เรียบร้อยแล้ว

หลุยส์ เฟร์นานโด ดิอาซ มารูลันด้า เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคมปี 1997 โดยเขาเกิดที่เมือง บาร์รานกาส ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับชายแดนของเวเนซูเอล่า และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ายากจนข้นแค้นลำดับต้น ๆ ของโคลอมเบียเลยทีเดียว 


ดิอาซ เป็นเด็กที่โตในเผ่าวายู รูปร่างของเขาค่อนข้างผอมเกร็ง เนื้อติดกระดูก มองจากภายนอกดูไม่รู้เลยว่าจะโตไปเป็นนักฟุตบอลขื่อดังได้อย่างไร


แต่แล้วในวันหนึ่ง ฟุตบอลรายการ Indigenous America Cup ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์พิเศษที่เตะกันเฉพาะชนเผ่าพื้นเมืองกลับกลายเป็นใบเบิกทางให้กับ ดิอาซ ได้มีอนาคตที่สดใส เขาฝ่าด่านเอาชนะการคัดตัวจากเด็กคนทั่วประเทศกว่า 400 คนเข้ามาติดทีมได้สำเร็จ โดยที่มี คาร์ลอส วันเดอราม่า อดีตตำนานของทีมชาติโคลอมเบียเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมขุดนั้นอีกด้วย


ดิอาซ โชว์ฟอร์มได้เด่นที่สุดในสนาม เขาเป็นทั้งกัปตันทีมและเป็นตัวความหวังในเกมรุก ภายใต้เสื้อหมายเลข 8 ดิอาซ พาทีมผ่านเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้จะแพ้ต่อ ปารากวัย ไป 0-1 แต่นั่นกลับเป็นก้าวสำคัญที่พาเขาออกจากความยากจนได้ในเวลาต่อมา


วันเดอราม่า กับ จอห์น ไจโร ดิอาซ โค้ชของทีม มองเห็นแววของ หลุยส์ ดิอาซ จากรายการดังกล่าวจึงได้แนะนำเขาให้กับ บารานกีญ่า ทีมในดิวิชั่น 2 ของ โคลอมเบีย ดึงตัวไปร่วมทีมในเวลาต่อมา


ที่ บารานกีญ่า เขาได้เรียนรู้กระบวนการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ตัวเขาไม่เคยได้ฝึกฝนมาก่อน ทั้งเรื่องแท็กติก, การสร้างกล้ามเนื้อ รวมไปถึงทริกการเอาชนะคู่แข่งต่าง ๆ นานา




ดิอาซ เติบโตพัฒนาตัวเองจากกุ้งแห้งกลายเป็นนักเตะที่กำยำมากขึ้น เขาเรียนรู้การจ่ายบอล การเล่นเป็นทีมมากขึ้น ตลอด 2 ฤดูกาลในดิวิชั่น 2 แม้จะยิงได้แค่ 3 ประตูจาก 42 นัด ทว่าภาพรวมที่มีต่อเกมรุกของทีมนั้น ดิอาซ ก้าวหน้าไปไกลมาก จน แอตเลติโก จูเนียร์ ทีมที่ใหญ่กว่าในเมือง บารานกีญ่า มาขอดึงตัวไปอยู่ด้วยตอนปี 2017 ซึ่งนั่นคือบทพิสูจน์​สำคัญของ ดิอาซ ในการเล่นฟุตบอลอาชีพเลยทีเดียว


ที่ แอตเลติโก เขาใช้เวลาปรับตัวอยู่ 1 ปีก่อนจะแผงฤทธิ์ได้อย่างสะเด็ดสะเด่าในปีที่ 2 ด้วยการยิงไป 16 ประตูจากทุกรายการ อีกทั้งยังพาทีมคว้าแชมป์ได้ 1 ถ้วยในปีดังกล่าว


ดิอาซ พัฒนา​ฝีเท้าขึ้นในทุกปี ก่อนจะเริ่มออกลุยยุโรปครั้งแรกในปี 2019 หลังจากเตะในโคลอมเบียไปแค่ครึ่งฤดูกาล​เท่านั้น


เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก กับ ปอร์โต้ คือสองทีมยักษ์​ใหญ่​ที่ให้ความสนใจแข้งโนเนมคนนี้อย่างจริงจัง แม้ว่ายอดทีมจากรัสเซียจะประเคนเงินค่าเหนื่อยให้มากกว่า แต่ ดิอาซ กลับตัดสินใจเลืิอก ปอร์โต้ เพราะว่าที่นี่จะช่วยเขาพัฒนาเรื่องฟุตบอลได้ดีกว่า อีกทั้งในอดีตยังมีรุ่นพี่อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา และ ฮาเมส โรดริเกวซ เคยมาสร้่างชื่อจนโด่งดังไว้เป็นตัวอย่างอีกด้วย


บนเวทีลีกฝอยทอง ดิอาซ ไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะเลย ตลอดการเล่น 2 ฤดูกาล​ครึ่ง (รวมปีนี้ด้วย)​ เชื่อไหมครับว่า ดิอาซ ซึ่งเล่นตำแหน่งปีกยิงประตูให้ทีมไม่ต่ำกว่า 10 ประตูทุกฤดูกาล โดยปีนี้พีคจัด ๆ คือยิงไปแล้ว 16 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์จากการเล่นแค่ 28 นัดเท่านั้น


ผลงานในทีมชาติ ดิอาซ ติดทัพโคลอมเบียมาตั้งแต่ปี 2018 และเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด เขาลงสนามไปแล้ว 32 นัดซัดไป 7 ประตู โดยเมื่อปีที่ผ่านมาเขายังพาทีมคว้าอันดับ 3 ในศึกโคปา อเมริกา พร้อมกันนั้นตัวเขาเองยังได้ดาวซัลโวร่วมกับ เลโอ เมสซี่ อีกต่างหาก


หากถามถึงสไตล์การเล่นของ ดิอาซ แล้ว ดาวเตะคนนี้มีจุดเด่นที่ความเร็ว ความแข็งแกร่ง แม้จะถนัดเท้าขวาแต่เขาชอบยืนริมเส้นด้านซ้ายแล้วพาบอลตัดเข้าในก่อนจะยิงประตูจากบริเวณมุมเขตโทษ


ดิอาซ ยิงได้ทั้งแบบปั่น ๆ และแบบเต็มหลังเท้า อาตูโร่ เรเยส อดีตโค้ชทีมชาติเปรียบเทียบ ดิอาซ เอาไว้ว่ามีสไตล์การเล่นคล้าย เจดอน ซานโช่ อยู่ไม่น้อย ขณะที่จุดเด่นอีกอย่างของเขานอกเหนือจากการยิงประตูด้วยตัวเองแล้วก็คือการแอสซิสต์ สถิติจากการเล่นให้ แอตเลติโก จูเนียร์ กับ ปอร์โต้ คือเขายิงด้วยตัวเอง 61 ลูก และแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมอีก 26 ครั้ง นับว่าเป็นปีกที่มีความอันตรายในเกมรุกคนนึงเลยทีเดียว


ดีลของ ดิอาซ กับ ลิเวอร์พูล น่าจะไม่ใช่ปัญหา​แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ตรวจร่างกายกับเซ็นสัญญา​เปิดตัวแบบเป็นทางการเท่านั้น คำถามที่น่าสนใจคือการมาของเขา จะไปยืนอยู่ตรงไหนของสนามมากกว่า


3 ประสานในเกมรุกตอนนี้มี โม ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่, บ็อบบี้ ฟิร์มิโน่ ซึ่งสลับกันลงกับ ดิโอโก้ โชต้า ส่วนพวกสำรองมี ดิว็อค โอริกี้, ทาคุมิ มินามิโนะ และอาจนับ อ็อกซ์เลด​ แชมเบอร์เลน อีกคนด้วยก็ได้ในบางสถานการณ์


หากมองกว้าง ๆ ตำแหน่งของ ดิอาซ คือปีกซ้าย ดังนั้นคงเบียดแย่งกับ มาเน่ เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วน มินามิโนะ เองน่าจะไปคอนสแตนด์บาย ซาล่าห์ ตรงฝั่งขวาเสียมากกว่า ขณะที่ โชต้า ผมมองว่า ฟอล์ส ไนน์ คือตำแหน่งที่ คล็อปป์ มองไว้ให้เบียดกันเอาเองกับ ฟิร์มิโน่ หรืออาจสลับดอกไปเล่นริมเส้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับเกมตรงหน้า


การมาของ ดิอาซ คือการเอามาแทนใครไหม? นี่ก็เป็นอีกข้อที่น่าคิด เพราะว่ากันตามตรงหาก ดิอาซ เปรี้ยงปร้างแบบ โชต้า ขึ้นมา นั่นหมายความว่าเขาอาจถูกวางให้เป็นแกนหลักของทีมในอนาคตอันใกล้นี้ ยิ่งเรื่องของ ซาล่าห์ ที่สัญญายังไม่ลงตัวนั่นอีก รวมถึงหากมองภาพรวมแล้วจะเห็นว่าบรรดาตัวรุกก็เริ่มอายุเข้าเลข 3 กันเกือบหมด หลุยส์ ดิอาซ ในระยะยาวจึงอาจเป็นดีลที่ คล็อปป์ วาดหวังไว้มากกว่าแค่มาเป็นแบ็คอัพของ มาเน่ ก็เป็นได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})