นั่นคือคำที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยพูดกับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพื่อต้องการดึงตัวให้อยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว เพราะยอดกุนซือชาวเยอรมันรู้ดีว่าไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วที่จะช่วยเค้นศักยภาพของเขาออกมาได้ดีเท่าที่ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว ย้อนกลับไปในปี 2012-2018 ช่วงเวลาทองของ คูตินโญ่ ในถิ่นแอนฟิลด์คือภาพที่สวยงามราวกับความฝัน เขาเป็นสตาร์หมายเลข 10 ซึ่งแฟนบอลหลงรัก ฝากความหวังในเกมรุกได้ และเป็นคนที่ทำให้การตีตั๋วเข้าไปชมเกมในแต่ละนัดคุ้มค่าทุกยูโรเพราะเวทย์มนตร์จากปลายเท้าของเขามันเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจในทุกนาทีที่เขาได้บอล สถิติกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมนับว่าอยู่ในระดับเกรดเอพรีเมียมคนนึงเลยก็ว่าได้ ลงสนาม 201 นัดยิงได้ 54 ประตู 45 แอสซิสต์ ได้นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรทั้งจากการโหวตของแฟนบอลและของเพื่อนร่วมทีมถึงอย่างละ 2 สมัย, ได้ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรอีก 2 ครั้ง และรางวี่รางวัลอื่น ๆ อีกยิบย่อยนับไม่ถ้วน หากไปค้นในวิกิพีเดียจะพบว่าในบรรดารางวัลส่วนตัวที่เขาได้รับทั้งหมด มีแค่รางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของบุนเดสลีการางวัลเดียวเท่านั้นที่เกิดขึ้นจากการเล่นให้สโมสรอื่น รางวัลที่เหลือล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ล้วน ๆ คูตินโญ่ เวอร์ชั่นหงส์แดงจึงเป็นเคมีที่ลงตัวที่สุดของตัวเขาเองแล้วตลอดอาชีพการค้าแข้ง ดังนั้น คำหว่านล้อมของ คล็อปป์ ที่บอกว่าหากอยู่กับทีมต่อก็มีโอกาสที่จะได้เป็นตำนานบทใหญ่ที่แอนฟิลด์จึงไม่ใช่เรื่องที่เกินตัวไปเลยสักนิดเดียว แต่ความผิดพลาดของ คูตินโญ่ กลับเริ่มต้นขึ้นเพราะสิ่งที่เป็นความฝันของเขาอย่าง "บาร์เซโลน่า" ดันกวักมือเรียกตัวไปร่วมทีมนั่นแหละ จุดเปลี่ยนของว่าที่ตำนานแบบเขาจึงหักเหไปในอีกมุมที่เจ้าตัวคาดไม่ถึง ย้อนความกันสักหน่อย ตอนนั้นเป็นช่วงกลางปี 2017 เมื่อตลาดเริ่มเปิด บารซ่า ในตอนที่ยังอู้ฟู่และยังเป็นมหาอำนาจลูกหนังทั้งในแง่การเงินและผลงานในสนาม ได้ติดต่อขอซื้อตัว คูตินโญ่ มายัง ลิเวอร์พูล ด้วยการเปิดราคามาที่ 72 ล้านปอนด์ แน่นอนว่าหงส์แดงปฏิเสธ และ คล็อปป์ ก็บอกกับสโมสรว่าจะขอคุยกับ คูตินโญ่ ด้วยตัวเอง โดยเขาเน้นย้ำเสมอว่าในอนาคตระยะยาว เขาวาง คูตินโญ่ เป็นแกนหลักคนสำคัญของทีมในการไล่ล่าความสำเร็จที่กำลังจะมาถึง 2 สัปดาห์ต่อมา บาร์ซ่า กลับมาอีกครั้งด้วยเงิน 90 ล้านปอนด์ ซึ่งหงส์แดงก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งเหมือนเดิม พร้อมกับให้หลังอีกแค่ 2 วัน บอร์ดบริหารประกาศชัดเจนผ่านสื่อเลยว่า "คูตินโญ่ คือสมบัติของ ลิเวอร์พูล และจะไม่ย้ายไปไหนแน่นอนจนถึงตลาดซัมเมอร์ปิดตัวลง" 1 ชั่วโมงต่อมา คล็อปป์ ก็ตอบนักข่าวด้วยคำตอบเดียวกันกับบอร์ดบริหารว่า คูตินโญ่ จะไม่ย้ายไปไหน ก่้อนจะตบท้ายด้วยความน่าสงสัยนิด ๆ ว่า เกมเปิดซีซั่นกับ วัตฟอร์ด จะไม่มีชื่อของ คูตินโญ่ ลงสนามเพราะเจ้าตัวมีิอาการบาดเจ็บ แต่ข่าวลือในตอนนั้นก็กระจายไปทั่วแล้วว่านักเตะกำลังดิ้นรนอยากย้ายทีม เรื่องมันเริ่มมีมูลหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ คูตินโญ่ ที่บอกว่าบาดเจ็บลงสนามให้สโมสรไม่ไหวแต่พอถึงเกมทีมชาติกลับลงเล่นได้ตามปกติ แถมยังยิงประตูได้อีกต่างหาก ช่วงเวลา 4 เดือนนั้น ลิเวอร์พูล เอาอกเอาใจและให้ความสำคัญกับ คูตินโญ่ เป็นพิเศษ คล็อปป์ รู้ดีว่านักเตะคนนี้จะทำอะไรให้ทีมได้อีกเยอะเขาจึงพยายามเหนี่ยวรั้งให้อยู่ต่ออย่างสุดกำลัง
วันที่ 6 ธันวาคม 2017 คูตินโญ่ ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมเป็นครั้งแรกหลังจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนามไม่ได้ เขาเล่นได้ดีสมราคาพาทีมชนะ สปาร์ตัก มอสโกว 7-0 ซึ่งเขาเองทำแฮตทริคได้อีกต่างหาก ปลายปี เขาฉลองการลงเล่นนัดที่ 200 ให้ ลิเวอร์พูล ด้วยปลอกแขนกัปตันทีมอีกครั้ง พาทีมถล่ม สวอนซี 5-0 ซึ่งเขาเองยิง 1 จ่าย 1 ปิดจ็อบแบบสวย ๆ ก่อนที่อีก 3 วันต่อมาจะลงสนามในเกมชนะ เลสเตอร์ 2-1 ซึ่งกลายเป็นนัดสุดท้ายของเขาในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล เสียอย่างนั้น 24 ชม.หลังเกมชนะ เลสเตอร์ มีภาพหลุดเป็นชื่อของ คูตินโญ่ ในเสื้อ บาร์เซโลน่า และข่าวยิ่งร้อนแรงมากขึ้ยเมื่อเกมบ็อกซิ่ง เดย์ ก็ไม่มีชื่อของเขาอยู่ในทีมอีกต่อไปแล้ว แม้สโมสรจะแจ้งว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บ แต่ทุกคนรู้ดีว่า คูตินโญ่ กำลังจะย้ายไป บาร์เซโลน่า เพื่อตามความฝันของเขาค่อนข้างแน่นอนแล้ว 6 มกราคม 2018 ฟิลิเป้ คูตินโญ่ เลือกเดินออกจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 105 ล้านปอนด์ และอาจพุ่งไปสูงสุดได้ถึง 142 ล้านปอนด์ตามแต่เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ความฝันของ คูตินโญ่ ที่เฝ้ารอมานานได้สมหวังดังใจเขาเสียที แต่เขาไม่ทันได้คิดเลยว่ามันกลับเป็นฝันร้ายที่เขาไม่ต้องการเจอ สไตล์การเล่นของเขาถูกมองว่าไม่เข้ากับระบบของทีม หลายครั้งหลายหนตำแหน่งการยืนมักไปทับซ้อนกับ ลิโอเนล เมสซี่ และเช่นกันที่บ่อยครั้งเขามักจะทำเสียจังหวะด้วยการเลี้ยงหรือยิงเองมากกว่าส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีม จนมีการแซวว่าเป็น Shootinho เลยด้วยซ้ำ
จะให้ยืนด้านซ้ายแทนที่ของ เนย์มาร์ ก็กลายเป็นว่าเขากลับทำได้ไม่ดีเท่า ครั้นจะให้เล่นเป็นตัวปั้นเกมตรงกลางก็ติดสัมปทานพื้นที่ของขาใหญ่แบบ เมสซี่ อยู่อีกทั้งคน ด้านขวาเลิกคิดได้เลย ตรงนั้นไม่ใช่พื้นที่ถนัดของเขาเลยสักนิด ดังนั้นทุกอย่างในกาตาลันจึงเต็มไปด้วยความตะกุกตะกักไปเสียหมด เขาไม่ได้กลายเป็นคนสำคัญแบบที่ ลิเวอร์พูล อีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่คนแรกที่เพื่ิอนมองหาเพื่อฝากบอล ไม่ใช่คนที่ทีมพร้อมจะฝากความหวังไปให้ ยิ่งนานวันเข้าความมั่นใจยิ่งลดลง จากเป็นตัวจริงก็ขยับถอยมาเป็นสำรองบ่อยขึ้น แม้จะอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ก็จริง แต่ในฤดูกาล 2019-20 คูตินโญ่ ถูกปล่อยตัวไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมตัวใช้งาน ภาพรวมผลงานไม่แย่เท่าไหร่ ลงสนามไป 38 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 11 ประตู แถมยังคว้า 3 แชมป์กับพี่เสือได้อย่างยิ่งใหญ่อีกต่างหาก ไฮไลต์เด็ดคือการยิง 2 เม็ดในเกมถล่มต้นสังกัด บาร์เซโลน่า 8-2 ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ถึงแม้จะทำผลงานได้ดี สุดท้ายเสือใต้กลับไม่ได้ตัดสินใจใช้ออปชั่นซื้อขาดครับ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นวิกฤติโควิดจึงทำให้ทุกการใช้จ่ายเงินจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบ โดยที่ บาเยิร์น เลือกเอาเงินไปทุ่มซื้อ ลีรอย ซาเน่ ซึ่งเป็นนักเตะเยอรมันและอายุน้อยกว่ามาร่วมทีมแทน ในเมื่อการย้ายทีมของ คูตินโญ่ ไม่เกิดขึ้นเขาจึงกลับมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในยุคของ โรนัลด์ คูมัน โดยช่วงแรก ๆ เขาได้รับโอกาสลงเล่นบ่อยขึ้น ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้วแต่ก็ซวยมาได้รับบาดเจ็บหนักตอนเดือนธันวาคมปี 2020 เข้าให้อีก ทีนี้พอหายเจ็บกลับมาก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง ครั้นฤดูกาลนี้เป็น ชาบี เขาก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกแรกของทีมเหมือนเคย โดยสถิติในครึ่งฤดูกาลนี้ของเขากับทีม ปรากฏว่าได้ลงเล่นแค่ 16 นัดซัดไปแค่ 2 ประตูจากทุกรายการเท่านั้นเอง เมื่อตลาดเดือนมกราคมเปิดขึ้นอีกครั้ง คูตินโญ่ จึงมองหาช่องทางการย้ายทีมไม่ว่าจะเป็นการย้ายแบบยืมตัวหรือซื้อขาดเขาก็พร้อมทั้งนั้น โชคดีที่สายสัมพันธ์ของความเป็น ลิเวอร์พูล ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง อดีตลูกพี่เก่าอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งปัจจุบันรับงานเป็นกุนซือที่ แอสตัน วิลล่า พร้อมเปิดประตูแห่งโอกาสให้เพื่อนเก่าคนนี้ได้กลับมามีรอยยิ้มบนผืนหญ้าอีกครั้ง วิลล่า ขอยืมตัว คูตินโญ่ ด้วยสัญญาระยะสั้นจนจบฤดูกาลแต่มีออปชั่นซื้อขาดที่ 33 ล้านปอนด์ตอนช่วงซัมเมอร์ มองเผิน ๆ มันคือดีลที่วินวินและ เจอร์ราร์ด ก็ฉลาดพอในการฉกฉวยประโยชน์จากความกระหายของ คูตินโญ่ เอามาใช้งานที่วิลล่า แต่มองอีกมุม ผมก็คิดว่าเรื่องนี้มันมีมากกว่าแค่ผลประโยชน์ร่วมกัน แต่มันคือการยื่นมือมาช่วยเหลือเพื่อนเก่าในวันที่เราสามารถช่วยเขาได้ "ผมได้คุยกับ สตีวี่ มาเยอะมากก่อนย้าย" คูตินโญ่ เล่า "เขาบอกผมเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของเขาและของสโมสร ผมมีความสุขมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ และผมกำลังมองหาโอกาสที่จะกลับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง ผมรู้จักเขามานาน เราเคยเล่นด้วยกันและเคยเรียนรู้หลายสิ่งจากเขา" ส่วนลูกพี่เจิดก็ให้สัมภาษณ์ถึง คูตินโญ่ ว่า "ผมคิดว่าคุณคงไม่มีทางได้ฉายาพ่อมดน้อยหรอก หากคุณไม่ใช่นักเตะที่พิเศษจริง ๆ เขาเล่นให้ทีมชาติ 63 นัดและมีประสบการณ์มากมาย ผมให้ความเคารพเขาและเชื่อว่าเขาจะนำสิ่งดี ๆ มาสู่ทีมของผมได้อย่างแน่นอน" คำพูดของ เจอร์ราร์ด อาจฟังดูธรรมดาแต่จริง ๆ มันแฝงไปด้วยความเชื่อมั่นในตัว คูตินโญ่ อยู่เยอะมาก เขารู้ดีว่าที่ผ่านมา คูตินโญ่ ได้เรียนรู้อะไรไปเยอะมากแล้วจากการตัดสินใจหนนั้น นาทีนี้เขาแค่ต้องการใครสักคนที่พร้อมมอบความเชื่อมั่นให้ มอบความไว้ใจให้แค่นั้นก็พอ ที่เหลือเขาจะทำมันออกมาให้ดูเองว่ามีดีแค่ไหน ตอนนี้ คูตินโญ่ ระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง ผลงานของเขากับเฮียเจิดคือลงสนามไปแล้ว 3 นัดซัดไป 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ โดยประตูแรกของเขากับทีมใหม่คือเป็นการยิงใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนเกมล่าสุดเขามีส่วนต่อการได้ประตูทั้ง 3 ลูกในวันที่เสมอกับ ลีดส์ 3-3 "หากคุณไม่ชอบดู คูตินโญ่ นั่นหมายความว่าคุณควรจะเลิกดูฟุตบอล" เจอร์ราร์ด กล่าวหลังจบเกมที่แบ่งแต้มกับยูงทอง "ฟอร์มการเล่นของเขาสุดยอดมาก เขาทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมในสนามครบถ้วน ไม่ใช่แค่ยิงหรือแอสซิสต์แต่หมายถึงการมีส่วนร่วมอย่างอื่นซึ่งสำคัญมาก ๆ" ความเชื่อมั่น ความไว้ใจ คืออาวุธที่ คูตินโญ่ ไม่เคยได้รับเลยหลังย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2018 วันนี้เราได้เห็นรอยยิ้มของพ่อมดน้อยคนนั้นอีกครั้ง และยังเป็นรอยยิ้มที่มีเบื้องหลังมาจากพี่ชายคนสำคัญที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกด้วย
