:::     :::

กว่าจะเป็น "ซาดิโอ มาเน่"

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,442
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟอร์มการเล่นร้อนแรงสุดๆ

สำหรับซาดิโอ มาเน่ ดาวเตะของสโมสรลิเวอร์พูล ที่ฤดูกาลนี้ ยิงประตูรวมทุกรายการไปแล้ว 13 ประตู โดยแบ่งออกเป็นพรีเมียร์ลีก 11 ลูก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ลูก นี่ยังไม่รวมผลงานระดับทีมชาติ ในการพาเซเนกัล ผงาดคว้าแชมป์รายการ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 


ช่วงนี้ เราลองย้อนกลับไปดูเส้นทางลูกหนังของมาเน่ กันหน่อย ซึ่งเขาก็เหมือนกับเด็กชายชาวแอฟริกัน ทั่วไป ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ที่มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพราะว่า นี่คือเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพชีวิตตัวเอง และครอบครัวให้ดีขึ้น เพียงแต่เส้นทางของเขา ต้องพบกับแบบทดสอบอย่างมากมาย 

ย้อนเวลากลับไป มาเน่ เกิด และเติบโตที่เซดิอู ประเทศเซเนกัล แน่นอนว่า นี่คือดินแดนที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก และความยากจน  อย่างไรก็ตาม เขาก็มีความสุขกับตัวเอง ผ่านสิ่งที่เรียกว่าฟุตบอล


มาเน่ เริ่มเล่าว่าผมอาศัยอยู่ในเมือง และวิ่งเล่นไปตามท้องถนน ตั้งแต่ผมอายุ 2-3 ขวบ ผมก็จำได้ว่ามีลูกบอลติดตัวอยู่เสมอ ผมเห็นเด็กคนอื่นวิ่งไล่หวดลูกหนังกันตามท้องถนน ผมก็ไปร่วมวงด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นของผมเลยล่ะ แค่ไปอยู่บนท้องถนน เมื่อผมเติบโตขึ้นมา ผมชอบดูเกมที่ทีมชาติเซเนกัล ลงแข่งขัน ผมอยากเห็นฮีโร่ของผม และจินตนาการว่า ผมเป็นนักฟุตบอลเหมือนพวกเขา


"บางครั้งผมก็โดดเรียน เพื่อออกไปเตะบอลกับเพื่อนตามท้องถนน ครอบครัวของผมเคร่งในเรื่องศาสนา ไม่ค่อยมีใครชื่นชอบฟุตบอลเท่าไหร่ แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหล่ะ" มาเน่ ย้อนความทรงจำต่อไป


พร้อมกับบอกว่า นอกจากจินตนาการ สำหรับการเป็นนักเตะทีมชาติเซเนกัล แล้ว อีกหนึ่งความฝันที่เขาอยากลงมือทำให้สำเร็จ นั่นคือการไปเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สักครั้งในชีวิต โดยเสริมว่า "ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมคิดถึงแต่ศึกพรีเมียร์ลีก เท่านั้น ผมเฝ้าติดตามการแข่งขันผ่านหน้าจอโทรทัศน์ และนี่คือความฝันสูงสุดเลย"

กระทั่งอายุ 15 ปี มาเน่ ออกเดินทางขึ้นไปทางเหนือ เป็นระยะทางกว่า 500 ไมล์ มุ่งหน้าไปยังที่ดาการ์ เมืองหลวงของประเทศ พร้อมกับมีการทดสอบฝีเท้าเป็นเดิมพัน อย่างที่บอกไป เขาต้องแบกความเสี่ยงไว้ เพราะว่าครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการเล่นฟุตบอล โดยมองว่าเป็นอาชีพที่ประสบความสำเร็จได้ยาก ครอบครัวที่เคร่งศาสนา อยากเห็นเขามุ่งไปในเส้นทางอื่นมากกว่า


ดาวเตะวัย 29 ปี กล่าวว่าเมื่อครอบครัวเห็นว่า ในสมอง และหัวใจของผมมีแต่ฟุตบอล ผมก็เริ่มโน้มน้าวให้พวกท่านปล่อยตัวผมไปดาการ์ ช่วงแรกนั้น ครอบครัวไม่เคยยอมรับเลยล่ะ แต่เมื่อเล็งเห็นความตั้งใจของผม พวกท่านก็กลับมาคอยช่วยเหลือ โดยเฉพาะคุณลุง


ผมออกจากบ้านเกิด และมุ่งหน้าไปเมืองหลวง โดยมีคุณลุงร่วมเดินทางไปด้วย เด็กจำนวนมากต่างมาทดสอบฝีเท้า ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งเหล่านี้ ซึ่งตอนที่ผมไปคัดตัว ชายสูงวัยคนหนึ่งมองมาที่ผม สายตาของเขาราวกับว่า ผมมาอยู่ผิดที่ผิดทาง


ชายคนนั้นถามผมว่า -นายมาที่นี่ เพื่อทดสอบฝีเท้าหรอ ?- ผมตอบกลับไปว่าใช่ ก่อนที่เขาจะถามต่อว่า -นายจะคัดตัวด้วยรองเท้าคู่นี้เนี่ยนะ ลองดูมันซิ นายจะเล่นฟุตบอลได้ยังไง ?- รองเท้าของผมเก่ามาก มันเก่าจริงๆ สภาพเข้าขั้นเลวร้ายสุดๆเลยแถมยังขาดวิ่นเป็นรูอีกต่างหาก ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะยิงคำถามมาอีกว่า -นายจะลงเล่นด้วยกางเกงตัวนี้แน่นะ ไม่มีกางเกงที่เหมาะสมกว่านี้แล้วหรือไง ?-”


ผมตอบไปว่า ผมมาทดสอบฝีเท้า ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี ผมต้องการเล่นฟุตบอลเท่านั้น เพื่อแสดงความเป็นตัวเอง เมื่อผมก้าวขาลงสนามไป คุณจะเห็นว่า ชายคนนั้นแปลกใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น เขากลับเดินมาบอกว่า อยากรับผมเข้าร่วมทีม จนผมได้รับเลือกเข้าอะคาเดมี่ในที่สุด ผมมองว่ามันยากมาก ไม่มีใครคอยผลักดันผม ในการบรรลุความฝัน แต่ผมไม่เคยทิ้งความฝัน ต้องอาศัยความกล้าหาญ ในการทิ้งครอบครัวที่หมู่บ้าน และมุ่งหน้าไปที่ดาการ์ กระนั้น ผมรู้ว่าตัวเองสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้

เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนคือ นั่นไม่ใช่การหนีออกจากบ้านเป็นครั้งแรก เพราะว่าในช่วงปี 2011 มาเน่ ตัดสินใจออกไปผจญภัยด้านลูกหนังนอกประเทศเป็นครั้งแรก ด้วยการเข้าร่วมทีมเม็ตซ์ ในฝรั่งเศส โดยแม่ของเขายังเข้าใจว่า ลูกชายคนนี้ยังอยู่กับศูนย์ฝึกเยาวชนของทีมในบ้านเกิดที่เซเนกัล


การก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไม่เคยมีอะไรง่ายดาย ทุกคนต้องเดินหน้า และฝ่าฟันกับอุปสรรคซึ่งรวมไปถึงอีกหนึ่งปัจจัยอย่างการยอมรับจากครอบครัวด้วย โดยมาเน่ ขยายความถึงเรื่องนี้ว่า “ย้อนกลับไปตอนนั้น ผมบอกเรื่องนี้กับคุณลุงเท่านั้น แต่สำหรับแม่แล้ว ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่าน" 


"ผมจำไม่เคยลืม ถึงวันแรกที่สองขาเหยียบประเทศฝรั่งเศส ผมคิดว่าตัวเองจะได้ลงฝึกซ้อม ทว่าโค้ชกลับบอกให้ผมอยู่บ้าน !! ตอนนั้นผมไม่มีบัตรเครดิต เพื่อใช้เป็นค่าโทรกลับไปหาแม่"


"กระทั่งวันต่อมา, ผมออกไปกับเพื่อน เพื่อไปซื้อค่าโทร จากนั้นผมก็โทรหาแม่ และบอกกับท่านว่า -แม่ครับ ผมออกมาอยู่ฝรั่งเศส แล้วนะ- แม่พูดกลับมาว่า -ฝรั่งเศส อะไรของแก ?!?- เธอแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูดเลย ผมเลยย้ำไปอีกครั้งว่า ผมออกมาอยู่ที่ฝรั่งเศส บนแผ่นดินยุโรป"


"แม่ยังไม่ยอมเชื่อ พร้อมกับพูดว่า -ยุโรปหรอ ? แกหมายความว่ายังไง แกอยู่เซเนกัล ไม่ใช่หรอ ?- ผมย้ำอีกรอบว่า ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านเกิดอีกแล้ว ผมออกมาอยู่ยุโรป แม่แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านคอยโทรหาผมทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่า มันคือความจริง ครอบครัวไม่ได้อยากให้ผมทำอาชีพใดอาชีพหนึ่งเป็นพิเศษ แต่พวกท่านก็ไม่อยากให้ผมเป็นนักฟุตบอล เพราะมองว่ามันเป็นการเสียเวลา และไม่คิดว่าผมจะทำมันสำเร็จด้วย"


วันนี้ มาเน่ สามารถพิสูจน์ให้แม่ และคนในครอบครัวเห็นแล้วว่าฟุตบอล ไม่ใช่เรื่องของการเสียเวลา แต่เป็นสิ่งที่นำพาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ความฝัน" เป็นผลสำเร็จ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด