:::     :::

กว่าจะมาเป็น "ไค ฮาแวร์ตซ์"

วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,252
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม

สำหรับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวเตะของเชลซี โดยผลงานช่วงหลังกับสิงโตน้ำเงินครามเขาสามารถยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีส่วนร่วมในเกมรุกของทีมอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่า โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ของสิงโตน้ำเงินครามจะวางเขาเป็นตัวหลักในแผงเกมบุกของทีม 


ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับเส้นทางลูกหนังของฮาแวร์ตซ์ กันหน่อยดีกว่า ดูกันว่าจากเด็กน้อยธรรมดาๆ สามารถก้าวมาเป็นวันเดอร์คิดส์ ของวงการฟุตบอลเยอรมัน ได้อย่างไร ? รวมถึงแรงบันดาลใจ และบุคคลต้นแบบ ที่เขาอยากเจริญรอยตามในอาชีพการค้าแข้งด้วย 

ไค ฮาแวร์ตซ์ เกิด และเติบโตที่เมืองอาเค่น ดินแดนที่แทนกตัวอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศเยอรมัน โดยเขาเติบโตมากับครอบครัวที่หลงรักฟุตบอล คุณปู่ของเขาเป็นประธานสโมสรของทีมในท้องถิ่นอย่างอเลมานเนีย มาเรียดอร์ฟ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ท่านจะดึงตัวหลานคนนี้ เข้าขัดเกลาฝีเท้าที่อะคาเดมี่


กระทั่งอายุ 10 ขวบ ฮาแวร์ตซ์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของทาง อเลมานเนีย อาเค่น ทีมที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคดังกล่าว ที่กำลังโลดแล่นอยู่ในศึกลีกา 2 แน่นอนว่า ตัวเขา และครอบครัวต่างเป็นแฟนบอลตัวยงของสโมสรแห่งนี้ โดยเฝ้าติดตามเชียร์ทางหน้าจอโทรทัศน์ รวมถึงให้การกำลังใจติดขอบสนาม


น่าเสียดายที่ ฮาแวร์ตซ์ อยู่กับอเลมานเนีย อาเค่น เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เพราะฝีเท้าไม่ดี แต่เป็นเพราะว่าพรสวรรค์มันเฉิดฉายออกมา ซึ่งผลสุดท้าย เขามุ่งหน้าสู่ทีมเยาวชนของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 100 กิโลเมตร นี่คือสโมสรที่ขัดเกลา จนเขากลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ 


สลาโวเมีย คาร์เนียคกี้ โค้ชทีมเยาวชนเลเวอร์คูเซ่น ที่เห็นฟอร์มของ ฮาแวร์ตซ์ กล่าวว่าย้อนกลับไปเวลานั้น ฮาแวร์ตซ์ ลงสนามแบบแบกอายุด้วยซ้ำไป เขาลงเล่นให้กับอาเค่น รุ่นยู-12 และต้องมาเจอกับทีมของเราอย่าง เลเวอร์คูเซ่น รุ่นยู-12 แม้ว่าผลจะจบลงที่ชัยชนะของเราด้วยสกอร์ 8-3 แต่จำนวนประตูทั้งหมด ที่ฝั่งนั้นสามารถยิงได้ เขาเป็นคนยิงคนเดียว 3 ประตู นี่ถือเป็นความประทับใจแรกที่ผมมีต่อเขา

ชีวิตการเป็นเด็กเยาวชนของพลพรรคห้างขายยาเขาต้องเจอกับแบบทดสอบสุดหินมากมาย ด้วยการเป็นนักเตะที่รูปร่างเล็กที่สุดภายในทีม ซึ่งส่งผลต่อโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง เขาต้องดูเพื่อนเล่นในคอกม้านั่งสำรองอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่เข้ามา ไม่เคยทำให้เขายอมแพ้


ฮาแวร์ตซ์ ค่อยๆปรับตัว และยกระดับตัวเองขึ้นมาทีละน้อย จนสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆเป็นผลสำเร็จ ความพยายามทั้งหมด ถูกตอบแทนด้วยการลงเล่นกับเลเวอร์คูเซ่น ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี แม้จะก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาไม่เคยทอดทิ้งเรื่องการเรียนเลย


บ่อยครั้งที่เขาต้องเตะฟุตบอล สลับกับการอ่านหนังสือ โดยหนึ่งในงานยากที่เขาต้องเจอเสมอคือ การออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ในศึกเดเอฟเบ โพคาล ในช่วงกลางสัปดาห์ พร้อมกับการต่อเวลา และการยิงจุดโทษ เพราะนั่นทำให้เขาต้องเจอกับความลำบาก ในการรีบกลับบ้าน และเตรียมตัวสอบในวันรุ่งขึ้น


จากวันนั้นถึงวันนี้ เขากลายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 22 ปี ที่ก้าวไปติดทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่ พร้อมกับเป็นแข้งตัวหลักของเชลซี เป็นที่เรียบร้อย ผ่านการเป็นแชมป์รายการสำคัญๆ โดยเฉพาะศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020-21 โดยที่เขาเป็นคนยิงประตูชัย ในเกมที่สามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ 1-0 


ฮาแวร์ตซ์  บอกถึงแรงบันดาลใจ ในการเล่นฟุตบอลของตัวเองว่านักเตะที่เป็นแบบอย่างให้ผมคือโทนี่ โครส เขาเป็นนักเตะชั้นเลิศ เส้นทางลูกหนังของเขายอดเยี่ยมมาก ผมให้ความเคารพเขามากด้วย ความสามารถในการผ่านบอล รวมถึงรูปแบบการเล่นของเขา ก้าวไปอยู่อีกระดับแล้ว ลูกผ่านทุกลูกของเขา เรียกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบ

ฮาแวร์ตซ์ ทิ้งท้ายถึงสไตล์การเล่นของตัวเองว่า เขาเป็นนักเตะที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และลงสนามในทุกบทบาทที่ผู้จัดการทีมอยากให้เป็น 


โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวของผม เป็นไปตามสัญชาตญาณ ผมเริ่มต้นเส้นทางลูกหนัง ด้วยการเล่นตำแหน่งหมายเลข 8 หรือ 10 ที่เยอรมัน, ผมผ่านการเล่นปีกซ้าย และปีกขวา ย้อนกลับไปปีที่ผ่านมา ผมก็เล่นตำแหน่งหมายเลข 9 ให้กับเชลซี"


"ผมไม่อาจพูดได้ว่า ผมมีตำแหน่งการเล่นที่ชอบมากที่สุด เพราะทุกวันนี้ คุณต้องพัฒนาการเล่นของตัวเอง ด้วยการเล่นได้หลายตำแหน่ง นี่คือปัจจัยที่ทำให้คุณกลายเป็นนักเตะที่แข็งแกร่งขึ้น ผู้จัดการทีมสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของคู่แข่งได้"


"ผมไม่มีตำแหน่งการเล่นที่โปรดปราน กระนั้น ผมชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ใกล้กับปากประตู พร้อมกับครอบครองบอล การเล่นตำแหน่งกองหน้าตัวหลอก ถือว่าเข้ากับผมเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากเราเล่นหน้า 3 ตัว ที่ประกอบด้วยจอมทัพ 2 คน และกองหน้า 1 คน มันก็เหมาะกับผมเช่นเดียวกัน"


"ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่กองหน้าสไตล์หมายเลข 9 ที่ชอบดักรอในกรอบเขตโทษ และรอโหม่งเพียงอย่างเดียว ผมต้องการสร้างอิทธิพลในเกม ด้วยการรับบอล, ถอยตัวเองลงมาแถวแดนกลาง และเปิดฉากเกมบุก"


"การเคลื่อนไหวของผมเป็นไปตามสัญชาตญาณ ผมคือนักฟุตบอลที่เล่นด้วยสัญชาตญาณ มันไม่ง่ายเลย เพราะทุกอย่างในเกมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณต้องตื่นตัวในทุกสถานการณ์ ผมมีความสุขเวลาได้ครองบอล มันเหมาะกับตัวผม"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด