โลกฟุตบอลของเมสัน เมาท์
สำหรับ เมสัน เมาท์ เด็กปั้นของพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” ที่สามารถก้าวมายึดตำแหน่งในทีมชุดใหญ่เป็นผลสำเร็จ โดยฤดูกาลนี้ เจ้าตัวลงสนามให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจไม่ว่าจะเป็นการยิงประตู, การแอสซิสต์ และการสร้างสรรค์เกมให้เพื่อนร่วมทีม
ด้วยวัยเพียง 23 ปี เมาท์ ยังเหลือเส้นทางลูกหนังอีกยาวไกล เพื่อให้เขาได้เก็บเกี่ยวความสำเร็จ ทั้งกับโทรฟี่ระดับสโมสร, ทีมชาติอังกฤษ และความสำเร็จส่วนตัว ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกันหน่อยว่า เด็กหนุ่มจากเมืองพอร์ทสมัธ คนนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาเป็นนักฟุตบอลระดับโลกเหมือนทุกวันนี้
ย้อนกลับไปช่วงปี 1999 “เมสัน เมาท์” ลืมตาดูโลกที่พอร์ทสมัธ เมืองทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ เหมือนกับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่ เขาชอบการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก โดยอิทธิพลสำคัญ เกิดจากคุณพ่อ ที่เคยเป็นนักเตะระดับท้องถิ่น รวมถึงเป็นผู้จัดการทีมด้วย
เมาท์ เริ่มเล่าว่า “คุณพ่อของผมเป็นทั้งผู้จัดการทีม และผู้เล่นในอดีต แม้จะไม่ได้อยู่ในเกมระดับสูง แต่ท่านเอาชนะรางวัลอย่างมากมาย ในการเล่นระดับท้องถิ่นในเมืองพอร์ทสมัธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมเกิด และเติบโต นั่นคือที่มาที่ไปของผม สำหรับความรักที่มีต่อฟุตบอล”
“ช่วงกลับจากโรงเรียน ผมจะสวมเครื่องแบบฟุตบอล และออกไปเล่นกับเพื่อนๆ” เขากล่าวต่อ “ผมชอบเตะบอลแถวข้างถนน นั่นเป็นความทรงจำแรกๆของผมเลย ผมจำได้ว่า ผมชอบเตะบอลในบ้าน ผมมักได้ยินเสียงคุณแม่ตะโกนมา เพราะท่านเป็นกังวลว่า ผมจะทำข้าวของในบ้านเสียหาย !!”
จากการเป็นเด็กท้องถิ่น ทำให้เมาท์ กลายเป็นสาวกของพอร์ทสมัธ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมักจะเข้าไปชมเกมที่สนาม “แฟรตตัน พาร์ค” อยู่เสมอ
ดาวเตะวัย 23 ปี กล่าวต่อไปว่า “ผมเติบโตมา พร้อมกับการเป็นแฟนบอลตัวยงของสโมสรพอร์ทสมัธ แน่นอนว่า มันยังคงเป็นแบบนั้น ผู้เล่นหลายต่อหลายคนคือฮีโร่ในวัยเด็กของผม ทั้งปีเตอร์ เคร้าช์, นิโก้ ครานชาร์, เจอร์เมน เดโฟ, ซัลลีย์ มุนตารี่,ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, เอ็นวานโก้ คานู และคนอื่นอีกมากมาย”
“ผมมีเสื้อที่สกรีนด้านหลังของอันเดรส ดาเลสซานโดร ผมแขวนเสื้อตัวดังกล่าวเอาไว้บนกำแพง เขาเป็นนักเตะที่ผมหลงรักในฟอร์มการเล่น แม้ว่าเขาจะอยู่กับพอร์ทสมัธ เพียงครึ่งฤดูกาลเท่านั้น”
เขาบอกถึงจุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลของตัวเอง ผ่านอะคาเดมี่ของทีมท้องถิ่น ที่เป็นบันไดให้เขาไต่ไปยังสโมสรที่ใหญ่กว่า ฝีเท้าของเขาเริ่มฉายแววออกมา จนหลายทีมอยากได้ตัวไปครอบครอง
“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นอย่าง บอร์ฮันท์ โรเวอร์ส ตามมาด้วยยูไนเต็ด เซอร์วิส โดยลงเล่นในระดับ ยู-7 กับ ยู-8 มันถือเป็นแบบทดสอบแรกของผม ในการเล่นกับกลุ่มเด็กที่อายุมากกว่า ถือเป็นช่วงว่างขนาดใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการ เวลานั้น ผมเริ่มถูกจับตามองจากอะคาเดมี่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากพอร์ทสมัธ, เซาธ์แฮมป์ตัน และเชลซี”
เมาท์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ในเส้นทางลูกหนังของตัวเองว่า “ผมเดินทางไปซ้อมกับพอร์ทสมัธ และเซาธ์แฮมป์ตัน เนื่องจากพวกเขาเป็นสโมสรที่อยู่ใกล้บ้านของผม จากนั้น ผมไปฝึกซ้อมกับเชลซี”
“แน่นอนว่า ที่เชลซี ถือเป็นระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เด็กที่นั่นเก่งมาก คุณเรียนรู้อะไรมากมาย การแข่งขันของเด็ก อยู่ในระดับที่สูงมาก” ผลสุดท้าย เมาท์ เลือกเล่นให้กับทีมเยาวชนของ “สิงโตน้ำเงินคราม”
หลังจากนั้น เมาท์ ประเดิมทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ ด้วยวัยเพียง 20 ปี จนเวลานี้ สามารถก้าวมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีมอย่างน่าชื่นชม เพราะในฐานะนักเตะจากอะคาเดมี่ เขาสามารถทะยานขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ที่มาจากหลายประเทศ
แม้ว่าปัจจุบัน เมาท์ จะกลายเป็นดาวดัง ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เคยลืมรักแรกของตัวเอง นั่นคือสโมสรพอร์ทสมัธ ที่ถือเป็นแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันสำคัญ ทำให้เขากลายมาเป็นนักเตะอาชีพเหมือนเช่นทุกวันนี้
โดยบอกว่า “ผมพยายามไปดูพอร์ทสมัธ ลงเตะ ผมกลับไปที่นั่น 2-3 ครั้ง ในช่วงขวบปีหลังๆ กระนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผมภารกิจรัดตัวกับเชลซี และทีมชาติอังกฤษ เมื่อผมมีโอกาส ผมก็จะกลับไปดูพอร์ทสมัธ ร่วมกับคุณพ่อของผม นี่คือทีมของผม และผมสนับสนุนพวกเขาเสมอ”
เมาท์ ทิ้งท้ายว่า “สำหรับผม ถือเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่สามารถเป็นนักฟุตบอล และหาเลี้ยงชีพได้ การเล่นให้กับเชลซี และทีมชาติอังกฤษ คือทั้งหมดที่ผมอยากจะลงมือทำ หลังจากคว้าแชมป์ในระดับเยาวชน ซึ่งเป้าหมายต่อไปคือทำมันอีกครั้งกับทีมชุดใหญ่”