อาทิตย์อุทัยผู้ไม่เคยยอมแพ้ ทาคุมิ มินามิโนะ
มินามิโนะ ย้ายมาอยู่กับทีมในช่วงต้นปี 2020 จาก เร้ดบูลล์ ซัลส์บวร์ก ด้วยค่าตัว 7.25 ล้านปอนด์ พร้อมกับได้ชื่อว่าเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ปีแรกของ มินามิโนะ ค่อนข้างตะกุกตะกักเล็กน้อย เขาอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวเยอะมากทั้งวัฒนธรรมทางฟุตบอล รวมไปถึงระบบการเล่นของ คล็อปป์ ที่แตกต่างจากที่เขาเคยเจอมา สถิติในครึ่งฤดูกาลหลังของ 2019-20 กับครึ่งฤดูกาลแรกของ 2020-21 มินามิโนะ ยิงให้หงส์แดงไปได้ 4 ประตูจาก 31 นัด ซึ่งส่วนใหญ่เขาลงเล่นในฐานะตัวสำรองด้วยซ้ำ
มกราคมปี 2021 มินามิโนะ ถูกส่งตัวไปให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ยืมตัว ซึ่งที่นั่นเองเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ดาวเตะญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษได้มากขึ้นเยอะ เขายิงประตูให้กับนักบุญได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม ก่อนจะทำผลงานได้เป็นอย่างดีกับบทบาทปีกซ้าย อีกทั้งยังยิงประตู เชลซี ได้อีกด้วย
"การไปเล่นที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ช่วยผมได้เยอะมาก" มินามิโนะ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของสโมสร
"การได้ลงสนามบ่อย ๆ ช่วยเรียกความคุ้นเคยกับความเร็วของพรีเมียร์ลีก เมื่อกลับมาที่ ลิเวอร์พูล ผมเลยยิ่งทุ่มเทมากขึ้นเพื่อรอโอกาสสำหรับการลงสนามในเกมระดับสูง"
เมื่อกลับมาที่แอนฟิลด์รอบนี้ มินามิโนะ ได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นโดยเฉพาะในฟุตบอลถ้วย เขากลายเป็นสมาชิกตัวหลักและโชว์ฟอร์มเด่นเป็นพระเอกมาตลอด
ในคาราบาวคัพ มินามิโนะ ออกสตาร์ตตัวจริง 4 นัดติดในรอบแรก ยิงได้ 4 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ก่อนที่จะเป็นสำรองในเกมรอบรองชนะเลิศนัดที่สองกับ อาร์เซน่อล และไม่ได้ลงสนามในรอบชิง แต่ถึงอย่างไรก็ดี เขาก็ถือว่าเป็นคีย์แมนสำคัญในถ้วยนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้เลย
กับเอฟเอ คัพ เขาลงสนามไป 4 นัดยิงได้ 3 ประตู และทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ ส่วนในรายการหลักอย่างพรีเมียร์ลีกกับ แชมเปี้ยนส์ ลีก เขาได้ลงสนามรวมกัน 14 นัดซัดไปแล้ว 2 ประตู โดยส่วนใหญ่เป็นสำรองมากกว่าตัวจริง
"ผมได้โอกาสลงเล่นมากขึ้นในฟุตบอลถ้วย มันเป็นโอกาสที่ดีของผมในการแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผมสามารถช่วยทีมได้ ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองและผมหวังอยากจะทำต่อไปเรื่อย ๆ"
"ผมมีความสุขมากกับที่นี่ ลิเวอร์พูล คือความฝันของผมตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับการได้เล่นในพรีเมียร์ลีก ดังนั้นผมจึงอยากที่อยากจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาดี ๆ นี้ไว้ให้มากที่สุด และอยากจะช่วยทีมในทุก ๆ อย่างที่ผมทำได้"
กับในทีมชาติ มินามิโนะ เป็นตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ เขาลงสนามไปแล้ว 38 นัดยิงได้ถึง 17 ประตู โดยในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย มินามิโนะ เป็นดาวซัลโวประจำทีมด้วยจำนวน 10 ประตู และอยู่อันดับ 2 ในชาร์ตดาวซัลโวโซนเอเชีย ยิ่งหากจำแนกแยกย่อยรายละเอียดจะพบว่าเขาค่อนข้างครบเครื่องมาก 10 ประตูของเขามาจากเท้าซ้าย 4, เท้าขวา 3 และลูกโหม่ง 3
มินามิโนะ พาทีมชาติของเขาผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งภารกิจต่อไปคือการกลับมาแย่งโอกาสลงสนามในทีม ลิเวอร์พูล ให้ได้มากที่สุด
มินามิโนะ เป็นตัวสำรองอดทนที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เขาเต็มที่กับทุกอย่างตั้งแต่การซ้อมไปจนถึงลงสนามจริง ปัจจุบันเขาอยู่ในวัยที่กำลังสมบูรณ์สุดขีดสำหรับอาชีพนักฟุตบอล เมื่อถูกถามว่าเขาวาดหวังอนาคตกับทีมไว้อย่างไรบ้าง มินามิโนะ ตอบว่า
"นักฟุตบอลที่มีอายุระหว่าง 26 ถึง 30 ปีแบบผม นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดทั้งร่างกายและประสบการณ์ ความคาดหวังของผมคืออยากจะลงเล่นเกมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ผมรู้ดีว่าตอนนี้เล่นให้กับสโมสรที่ดีที่สุดในโลก จึงต้องใส่ความพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัว รอโอกาสและฉกฉวยไว้ให้ได้"
"ผมแค่อยากจะช่วยทีมให้ได้มากที่สุดไม่ว่าทางใดก็ตาม นั่นเป็นเรื่องที่ผมคาดหวัง"
สายเลือดนักสู้แบบซามูไรของ มินามิโนะ คือจุดเด่นที่ทำให้เขากลายเป็นที่รักของเดอะ ค็อป แม้จะเป็นสำรองแต่เขาไม่เคยสร้างปัญหาหรือโวยวาย อย่างเดียวที่ทำมาตลอดคือการตั้งหน้าตั้งตาซ้อมหนัก เฝ้ารอโอกาส และพยายามลงไปทำให้ดีที่สุด
นี่คือเหตุผลสำคัญที่เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า 'ทำไมใคร ๆ ก็รักผู้ชายคนนี้' ทาคุมิ มินามิโนะ