:::     :::

เจาะประเด็นเด่นหลังเกมวัตฟอร์ด ติอาโก้เด่น โชต้าฮอต (มีคลิปไฮไลต์)

วันเสาร์ที่ 02 เมษายน 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,545
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ลิเวอร์พูล คว้า 3 คะแนนในเกมสำคัญได้อีกครั้ง และผงาดขึ้นไปนั่งในตำแหน่งจ่าฝูงได้เป็นการชั่วคราวจาก 2 ประตูของ โชต้า และ ฟาบินโญ่

เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัด 11 ตัวจริงด้วยการปรับทีมเล็กน้อย ประตูเป็น อลีสซง เบคเกอร์, แบ็คขวาเปลี่ยนจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาเป็น โจ โกเมซ เนื่องจาก เทรนต์ มีอาการบาดเจ็บ, แบ็คซ้ายเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ส่วนคู่เซนเตอร์คือ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โจเอล มาติป


แดนกลาง 3 คนได้แก่ เคอร์ติส โจนส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ส่วนแดนหน้าเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, บ๊อบบี้ ฟีร์มิโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า ซึ่ง คล็อปป์ ชี้แจงว่าที่ดร็อป มาเน่ เพราะนักเตะเพิ่งเดินทางกลับมาจากทีมชาติช้ากว่าคนอื่นหนึ่งวัน จึงให้พักเพื่อเติมความสด


วัตฟอร์ด ของ รอย ฮ็อดจ์สัน มาเยือนแอนฟิลด์ในระบบ 4-1-4-1 โดยมี อิสไมลาร์ ซาร์ ดาวเตะชาวเซเนกัลเป็นทีเด็ดในเกมรุก โดย 5 นัดหลังสุดของ วัตฟอร์ด ชนะกับเสมอแค่อย่างละ และแพ้ไปถึง 3 เลยทีเดียว


รูปเกมเป็นเจ้าบ้านที่ครองบอลมากกว่าและหาโอกาสยิงได้เยอะกว่า การคอนโทรลบอลในแดนกลางของ ติอาโก้ คือหัวใจสำคัญของทีม สัมผัสแรกนุ่มนวลเนียนตา การออกบอลทุกลูกมีความหมาย โดยกองกลางชาวสเปนสัมผัสบอลไป 99 ครั้ง, จ่ายบอลแม่นยำ 85%, วางบอลยาวสำเร็จ 8 จาก 11 ครั้ง และยังสร้างโอกาสทำประตูให้ทีมไปอีก 3 หนด้วยกัน


วัตฟอร์ด ตอบโต้มีลุ้นบ้างเป็นระยะแต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านมือของ อลีสซง ก่อนที่หงส์แดงจะมาพังตาข่ายขึ้นนำได้ตอนนาทีที่ 22 จากจังหวะที่ โจ โกเมซ เติมเกมขึ้นมาแล้วครอสบอลไปให้ โชต้า ขึ้นโหม่งตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด 




ประตูนี้ของ โชต้า เป็นลูกที่ 14 ในลีกซีซั่นนี้ หากแยกย่อยออกมาจะพบว่าเขาทำประตูด้วยเท้าขวาไป 4, เท้าซ้าย 6 และมาจากลูกโหม่งอีก 4 เรียกว่าครบเครื่องต้มยำแบบสุด ๆ ไปเลย


นอกจากนี้ โชต้า ยังทำประตูในพรีเมียร์ลีกจากลูกโหม่งไปแล้วทั้งสิ้น 7 ประตู นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีนักเตะคนไหนในลีกอีกแล้วที่ทำประตูจากลูกโหม่งได้มากกว่าเขา 


รูปเกมส่วนใหญ่เป็น ลิเวอร์พูล ที่คุมจังหวะเอาไว้ได้หมด แดนกลางพระเอกคือ ติอาโก้ ส่วน โจนส์ เองก็ไม่ถึงกับแย่แต่ก็ไม่ได้เด่นอะไรมากนัก ซึ่งเขาก็ถูกถอดออกในนาทีที่ 6​2 เช่นเดียวกับ ซาล่าห์ ที่เกมนี้ก็โดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 69 


ช่วงหลังมานี้ ซาล่าห์ ฟอร์มค่อนข้างดร็อปลงไปเล็กน้อย ทั้งในแง่การมีส่วนร่วมต่อเกมและการทำประตู โดย 6 นัดหลังสุดกับ ลิเวอร์พูล ไม่น่าเชื่อว่า ซาล่าห์ ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น


ลิเวอร์พูล มาได้ประตูย้ำชัยในช่วงท้ายเกมจากจุดโทษของ ฟาบินโญ่ ซึ่งสถิติภาพรวมจากเกมนี้หงส์แดงเหนือกว่าทุกอย่าง ครองบอล 73-27%, ได้บุก 20-5 และพวงจากชัยชนะในเกมนี้ จึงทำให้เพิ่มสถิติเป็นชนะรวด 10 นัดติดต่อกันในลีกเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นทีมใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่เก็บแต้มได้มากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มปี 2022 เป็นต้นมา


อีกคนหนึ่งที่ต้องชมคือ อลีสซง เบคเกอร์ ซึ่งในตอนนี้สามารถรักษาคลีนชีตมาได้ 5 นัดติดต่อกันแล้ว และกำลังขับเคี่ยวแย่งชิงถุงมือทองคำกับ เอแดร์ซอน ชนิดต้องลุ้นกันนัดต่อนัดเลยทีเดียว โดย 12 นัดหลังสุดขอฃ อลีสซง เขาเสียไปเพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น


ขณะที่เกมในแอนฟิลด์ยังคงเป็นป้อมปราการสำคัญของ ลิเวอร์พูล อยู่เหมือนเดิม 19 นัดหลังสุดในลีก พวกเขาไม่แพ้ใครที่แอนฟิลด์เลย ชนะ 15, เสมอ 4, ยิงได้ 29 และเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น


เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "เกมที่เกิดขึ้นหลังจากเบรกทีมชาติยากเสมอ ทีมเราโตขึ้นและคอนโทรลเกมได้ดี ผมคิดว่า โจ โกเมซ เล่นได้ดีมากและแอสซิสต์จนทีมได้ประตู ส่วน โชต้า ก็เด็ดขาดมากและจบสกอร์ยอดเยี่ยมเหมือนเคย ผมคาดหวังว่าเราจะมีอีก 2 เดือนที่ดี มันเป็นฤดูกาลที่ยากในการคว้าแชมป์ แต่เราจะเล่นกับแบบนัดต่อนัดและเต็มที่ 100% เราเชื่อมั่นว่านักเตะของผมจะทำได้"


เกมนัดต่อไปคือเกมสำคัญในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องเจอกับ เบนฟิก้า ส่วนวันอาทิตย์​หน้ามีคิวดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แทบจะเป็นเกมตัดสินแชมป์แบบกลาย ๆ เลยก็ว่าได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด