:::     :::

ลอนดอน ... สรวงสวรรค์หรือหนทางสู่นรก

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2565 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,122
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นและเหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการเปิดบ้านไล่ถล่ม 4-0

มันคือการตอกย้ำว่านี่คือยุคของ เยอร์เกน คล็อปป์ และพลพรรค หงส์แดง (รวมไปถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ในการประกาศศักดาบนเวทีพรีเมียร์ลีก ส่วน ปิศาจแดง เป็นเพียงลูกไล่ที่นับวันยิ่งห่างไกลกับทีมหัวตาราง 

ความบอบช้ำ บาดแผล และร่องรอยของการโดนกระทำจากนัดที่ผ่านมาจะยังปรากฏและหลอกหลอนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป เพราะมันคือความพ่ายแพ้หลังจากผ่านไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น

ใช่ ... มันคือการปราชัยที่เกิดขึ้นหลังจากเริ่มเกมไปแค่ 5 นาที ซึ่งวินาทีที่ หลุยส์ ดีอาซ ส่งบอลเข้าประตูไปทุกอย่างดูเหมือนจบลงทันที มันคือการเสียประตูจากการขึ้นเกมง่ายๆ ที่เล่นงานแนวรับ ผีแดง ไม่ต่างจากผู้ใหญ่รังแกเด็ก

สีหน้าท่าทางกำลังใจที่เตรียมตัวกันหรือชัยชนะเหนือ นอริช มลายหายไปพริบตา และมั่นยิ่งตอกย้ำกับการครองเกมเหนือกว่าชนิดที่โดนแซวว่านักเตะ ผีแดง ทั้งทีมยังสัมผัสบอลน้อยกว่า ติอาโก้ อัลกันตาร่า คนเดียวเสียอีก

ถือเป็นการปราชัยที่อัปยศ แต่ไม่ได้เหนือความคาดหมายใดๆ เพราะต้องยอมรับว่าวินาทีนี้ ผีแดง ห่างชั้นจาก หงส์แดง อยู่หลายขุม แม้ก่อนเกมจะมีความหวังแต่มันก็หายไปหลังจากผ่าน 5 นาทีแรก

ประตูที่สองจากผลงาน โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยิ่งตอกย้ำผลลัพธ์และปลายทางของเกมที่ผ่านมาได้ดี ไม่นับรวมท่าทางของกัปตันทีมปิศาจแดงที่หมดอาลัยตายอยาก เป็นภาพชินตาของสาวกปิศาจแดง และถือเป็นภาษากายที่แก้ไม่ตกของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปเสียแล้ว




แววตาที่ไร้ประกาย ไม่ต่างจากดวงตาที่ขุ่นหมองของปลาตาย ทุกๆ อย่างดูเข้าทาง ลิเวอร์พูล และมันก็เช่นนั้น แม้ต้นครึ่งหลังเจ้าบ้านจะปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเกมบ้างแต่มันเหมือนกับว่าพวกเขาอยากพักเอาแรงก่อนจะสวนกลับเล่นงานแบบจังเบอร์

เอาเป็นว่าการปราชัยที่ แอนฟิลด์ ทำได้ให้เห็นสัจธรรมและความเป็นจริงมากมาย มันคือสิ่งที่เคยเขียนมาแล้วหลายปี ซึ่งตอนนั้นโดนแฟนบอลผีแดงบางกลุ่มไล่ให้เปลี่ยนทีมเชียร์เสียด้วยซ้ำ

สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคสมัย โชเซ่ มูรินโญ่ คือพัฒนาการที่สวนทางกับ ลิเวอร์พูล เพราะลูกทีม คล็อปป์ ค่อยๆ เพิ่มศักยภาพและแสดงให้เห็นถึงความอันตราย ไม่ว่าจะการเสริมทีมหรือรูปแบบการเล่นที่ลงตัว ต่างจาก ปิศาจแดง ที่นับวันยิ่งออกทะเลไกลจากฝั่งและตอนนี้ก็กำลังลอยล่องแบบไร้ทิศทาง ... 

... ก่อนจะมองไปยังอนาคตหลังจบฤดูกาล ตอนนี้ ราล์ฟ รังนิก มี 3 เกมสำคัญในการดวลกับ 3 สโมสรจากลอนดอน 

อย่างที่ทราบว่านัดต่อไปคือการออกไปเยือน อาร์เซน่อล ที่ เอมิเร็ตส์ สเตเดียม และ 3 คะแนนจะทำให้ ปิศาจแดง อยู่ในเส้นทางลุ้น 'ท็อป 4' ต่อไป

แม้ทาง ปืนใหญ่ เพิ่งคืนฟอร์ม เอาชนะ เชลซี 4-2  แต่มันคือโจทย์เดียวที่ รังนิก และลูกทีมต้องทำให้ได้หากยังหวังไปสู่จุดหมายปลายทางที่พวกเขาคอยพ่นออกมา

นั่นคือด่านแรกในการดวลสโมสรจากเมืองหลวงอังกฤษ ซึ่งหลังจากนั้น ผีแดง ต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ เชลซี โดยโปรแกรมนี้โดนเลื่อนมาจากเดิมที่มีคิวเตะในเดือนหน้า แต่เพราะ สิงโตน้ำเงินคราม เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ทำให้มาหวดในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 28 แทน (เข้าช่วงเข้าวันศุกร์ตามเวลาไทย)





อีกหนึ่งโปรแกรมหลังจากนั้นเป็นเกมในรังนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่จะรับมือ เบรนท์ฟอร์ด คืนวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 

การออกไปเยือน เดอะ กันเนอร์ส มีความสำคัญทั้งในแง่ของการเรียกความมั่นใจ และที่สำคัญคือลดระยะห่างลงมา แต่หากผลการแข่งขันดันไปเข้าทางลูกทีม มิเกล อาร์เตต้า โอกาสในการไล่ตามก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

3 คะแนนจึงเป็นเป้าหมายหลักและเป้ามายเดียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ผลเสมอจะไม่ได้เสียหายแต่ทีมที่กระดอกเท้ายิ้มรับอย่างพอใจคงหนีไม่พ้น สเปอร์ส เป็นแน่แท้

นอกจากนั้นชัยชนะจะหมายถึงการฟื้นคืนก่อนรับมือ เชลซี ในนัดต่อไป ทุกๆ อย่างในตอนนี้ล้วนแล้วสัมพันธ์และส่งผลถึงกันอย่างแยกไม่ออก





มองโลกในแง่ดีสุดๆ 'ถ้า' ปิศาจแดง ทำได้ในการเก็บ 6 คะแนนเต็มต่อจากนี้ การเปิดบ้านดวล เบรนท์ฟอร์ด ก็จะเป็นศึกใหญ่ในบ้านสุดท้ายกับเส้นทางลุ้น 'ท็อป 4' เพราะหลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะออกไปทั้ง ไบรท์ตัน และ คริสตัล พาเลซ สองทีมที่ถือว่าผลงานในรังแข็งแกร่งพอตัว

การปราชัย ลิเวอร์พูล อาจจะส่งผลให้ ปิศาจแดง สะดุดเสียความมั่นใจและเสียเปรียบคู่แข่งมากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างยังอยู่ในขอบเขตและกำหนดของพวกเขาเอง

กระนั้นสิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาผลงานซึ่งเป็นเรื่องยากและงานหนักเพราะอย่างที่เห็นไปแล้วว่า ผีแดง พร้อมพุ่งชนความปราชัยหรือแสดงให้เห็นความผิดพลาดได้ในทุกเกม

ง่ายๆ คือผลงานที่ไม่แน่นอน 3 วันดี 4 วันร้าย ไหนจะการเล่นเป็นทีมที่นับวันยิ่งเพิ่มข้อสงสัยให้แฟนบอลว่าการซ้อมของทีมมันคือการฝึกซ้อมจริงๆ หรือไม่ หรือแค่ลงไปวิ่งและถ่ายรูปเพื่อให้สื่อสโมสรเอาไปใช้ผ่าน โซเชียล มีเดีย เพราะเมื่อลงสนามไปเหมือนแต่ละคนแทบจะไม่รู้จักกันมาก่อน

การผ่านบอลที่ขาดๆ เกินๆ การขึ้นเกมที่ดูติดขัดไม่ไหลลื่น ไหนจะการทำชิ่งหรือเดินเกมที่เชื่องช้าจนโดนปิดช่อง และอีกมากมายที่กลายมาเป็นมาเป็นคำถามในช่วงที่ผ่านมา ที่สำคัญคือช่วงหลังที่ทีมพึ่งพา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกินไป ส่งผลให้ฟอร์มออกมาอย่างที่เห็นโดยเฉพาะแนวรุกที่เหลวไม่เป็นท่า 

ถึงตรงนี้แม้ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ รังนิก และลูกทีมว่าจะสามารถสร้างแรงฮึดในช่วงโค้งสุดท้ายได้หรือไม่ ว่าจะสามารถเก็บคะแนนมาจาก 3 ทีมลอนดอนได้ตามที่ต้องการหรือไม่ หรือว่าท้ายที่สุดเส้นทางจะจบลงหลังผ่านพ้นวันเสาร์นี้ไป 




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด