61 นัดรวมทุกถ้วยทุกรายการ คือจำนวนสังเวียนที่ คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล​ ต่อสู้บนเวทีลูกหนังในฤดูกาล​นี้ ทั้งหมดแบ่งเป็นพรีเมียร์​ลีก 37, เอฟเอ คัพ 6, คาราบาว คัพ 6 และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 12 หากไม่มีทีมที่สมบูรณ์พอ พวกเขาคงมาได้ไม่ไกลขนาดนี้อย่างแน่นอน

กับเกมล่าสุดที่เฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน กุนซือชาวเยอรมันเลือกปรับทัพถึง 9 ตำแหน่ง เพราะว่าทีมเพิ่งจะบดกับ เชลซี มาได้ไม่ถึง 72 ชั่วโมง ดังนั้นในเกมนี้จึงเป็นโอกาสของเหล่าตัวสำรองที่เหลือ ไล่เรียงไปตั้งแต่ โจ โกเมซ, คอสตาส ซิมิกาส, โจเอล มาติป, เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ดิโอโก้ โชต้า, บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่ และ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่เพิ่งได้ออกสตาร์ตตัวจริงในลีกเป็นนัดแรกในรอบ 18 เดือน ขณะที่ อลีสซง กับ โกนาเต้ คือสองคนที่หลงเหลือมาจากเกมเอฟเอ คัพ นัดชิง

ศักยภาพ​ทีมชุดนี้เป็นรองตัวจริงแน่นอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความกระหาย, ความสด และพลังขับเคลื่ิอนในการพิสูจน์​ตัวเอง หงส์แดงเริ่มเกมด้วยความคึกคัก พยายามหาโอกาสในการจบสกอร์อยู่เรื่อย ๆ แต่สุดท้ายกลับเป็นนักบุญที่ทะยานขึ้นนำเฉย จากจังหวะที่เหมือนจะเป็นการฟาวล์ไปก่อนแล้วด้วยซ้ำ

ลิเวอร์พูล ไม่ถอดใจ มาไล่ตามตีเสมอได้ในอีก 14 นาทีต่อมาจาก มินามิโนะ ซึ่งเป็นลูกยิงที่สวยงามและเด็ดขาดมาก ๆ โดยต้องชมทั้งคนจ่ายอย่าง โชต้า คนยิงอย่าง มินามิโนะ ว่าทำได้สมบูรณ์แบบ​จนช่วยให้ทีมกลับมาอยู่ในเกมของตัวเองอีกครั้ง

ประตูนี้ของ มินามิโนะ คือลูกที่ 10 ของเขาในฤดูกาล​นี้เข้าไปแล้วทั้งที่สถานะของเขาคือกองหน้าลำดับที่ 5 ไม่ก็ 6 ของทีมเลยด้วยซ้ำ ค่าเฉลี่ยหากนับเป็นนาทีจะพบว่าเขามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 101 นาทีต่อการทำได้ 1 ประตู แถมนี่ยังเป็นการยิงลูกที่ 10 จากการยิงตรงกรอบแค่ 11 ครั้งอีกด้วย เรียกว่าคมกริบจนตาข่ายร้องขอชีวิตเลยก็ว่าได้

ครึ่งแรกแม้จะจบลงด้วยการเสมอกัน แต่ทิศทางของเกมเทมาทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มากกว่า เอาแค่สถิติในครึ่งแรกก็ชัดเจนแล้วว่าหงส์แดงได้ยิงถึง 11 ครั้ง ที่เหลือคือรอแค่จังหวะเข้าทำคม ๆ เพื่อปิดเกมให้ได้ก็พอ

ในครึ่งหลัง คล็อปป์ ตัดสินใจส่งกองหน้าตัวนำโชคอย่าง ดิว็อค โอริกี้ ลงสนามมาช่วยทีมตอนเกมผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับปรับแผนการยืนเล็กน้อยด้วยการใช้ระบบ 4-2-3-1 ให้ โอริกี้ ค้ำแดนหน้า แล้วใช้ โชต้า, ฟีร์มิโน่ และ มินามิโนะ ทำเกมตรงเลข 3 

พูดง่าย ๆ ว่าก็เหมือนเล่นเกมรุก 4 คนเลยนั่นแหละครับ

ลิเวอร์พูล รุกคืบเข้าหาอย่างหนักหน่วง แบ็คซ้ายอย่าง ซิมิกาส เล่นดีมาก ๆ เขาเติมเกมอย่างเมามันส์และพยายามใช้จุดเด่นอย่างการครอสบอลเพื่อกดดันกองหลังเจ้าบ้านไม่มีหยุด ซึ่งในท้ายที่สุดความพยายามของ กรีก สเกาเซอร์ ก็สัมฤทธิ์ผลจนได้ในนาทีที่ 67 

ซิมิกาส เปิดบอลเข้าไปแล้วกองหลังเจ้าบ้านโหม่งผิดเหลี่ยม ก่อนจะไปจบที่ โจเอล มาติป แบบมีโชคช่วยเล็ก ๆ แต่นาทีนั้นใครล่ะจะสนใจ เพราะมันคือประตูสำคัญที่ทีมต้องการและอาจเป็นประตูที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ในตอนจบเลยก็ได้

ช่วงเวลาที่เหลือ หงส์แดงลงกลอนล็อคประตูแน่นหนา ความจริงแล้วหากกรรรมการละเอียด​กว่านี้สักหน่อย ลิเวอร์พูล จะคลีนชีตได้อีกนัด เพราะลูกที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ประตูมันชัดเจนมากว่าเป็นการฟาวล์ก่อน ขนาดคอมเมนเตเตอร์ในห้องส่งอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น กับ เชย์ กิฟเว่น ยังชี้ชัดเลยว่าฟาวล์แน่นอน

เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้​สัมภาษณ์​หลังเกมแบบฉลาดว่าโอกาสลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล น้อยกว่า ซิตี้ เยอะ เพราะเรือใบสีฟ้าจะไม่พลาดในเกมหน้าอย่างแน่นอน

"วันนี้ทีมของเราเปลี่ยนกันถึง 9 คน แต่ก็เล่นกันได้ดีเยี่ยม ผมไม่พอใจลูกที่เราเสียเพราะมันค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการฟาวล์ แต่นักเตะของผมคุมอารมณ์ได้เยี่ยมทุกคน" 

"สุดท้ายเราได้ประตูที่ต้องการ เราไม่เคยผ่อนเกม เราเดินหน้าต่อในครึ่งหลัง นี่เป็นเกมที่ยอดเยี่ยม เป็นฟอร์มที่เหลือเชื่อมากจากการเปลี่ยนทีมเกือบยกชุด มทุกอย่างออกมาดีเพราะนักเตะไม่ใช่ผม หากพวกเขาไม่ทำงานกัน 100% แบบนี้ ผมถึงจะต้องบอกว่านั่นต่างหากที่เป็นความรับผิดชอบของผม"

"ผมคิดว่า ซิตี้ คงไม่พลาด เพราะว่า แอสตัน วิลล่า จะมีเกมที่ต้องลงสนามในวันพฤหัสบดี มันเป็นเกมที่ยากกับ เบิร์นลีย์ เพราะพวกเขาต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ดังนั้น วิลล่า จะใช้พลังงานไปเยอะมาก หากมีใครที่อยากให้เราได้แชมป์ (อาจเป็นการเหน็บ เป๊ป ไปด้วยประโยคนี้)​ ผมคิดว่าเราต้องชนะเกมของเราให้ได้ก่อน แม้ว่าโอกาสที่ วิลล่า จะแบ่งแต้มจาก ซิตี้ ได้มันพอมี แต่มันก็ยากพอสมควร"

คล็อปป์ ฉลาดที่โยนความกดดันไปให้ ซิตี้ ผ่านคำสัมภาษณ์​นี้ และเป็นการโยนแรงกระตุ้นให้ วิลล่า ไปด้วยในตัว 

พรีเมียร์​ลีก​ยังไม่จบ คล็อปป์ รู้ดีเหมือนเดอะ ค็อป ทั่วโลกที่รู้ดีว่าในโอกาสในมือแม้ว่าจะแค่ 1 หรือ 10% แต่มันก็คืิอโอกาส และเชื่อว่าพรีเมียร์​ลีก​นัดสุดท้าย อาจมีอะไรให้เราได้ตื่นเต้นจนนาทีสุดท้ายเลยก็ได้

ชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง ลมหายใจของฟุตบอลอยู่ได้ด้วยศรัทธา หากเรามีสองสิ่งนี้อยู่ มันก็มีโอกาสที่จะเกิดปาฏิหาริย์​ได้เหมือนกัน