:::     :::

นิวคาสเซิ่ล หนีจากบ๊วยได้ภายใน 4 เดือนได้อย่างไร?

วันอังคารที่ 08 มีนาคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,208
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ก่อนที่ เอ็ดดี้ ฮาว จะเข้ามาคุม นิวคาสเซิ่ล ตอนนั้นทัพสาลิกาดงยังจมอยู่ที่บ๊วยของพรีเมียร์​ลีกและมีแต้มห่างจากอันดับ 16 ไกลถึง 5 คะแนน แต่ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือนหลังจากนั้น ฮาว ไม่ใช่แค่พาทีมหนีบ๊วยได้อย่างเดียว แต่ยังสามารถผลักดันทีมขึ้นมาอยู่ถึงอันดับ 14 ได้เลยด้วยซ้ำ เขาทำได้อย่างไร? ในบทความนี้มีคำตอบครับ

ก่อน ฮาว จะเข้ามาต้องยอมรับว่าบรรยากาศ​ในทีมทีมที่ สตีฟ บรูซ ทิ้งไว้ค่อนข้างเป็นลบ นักเตะส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจ ลงเล่นทีไรก็มีความรู้สึกเป็นรองเพราะเล่นตั้งรับลึกทุกนัด ความพ่ายแพ้ในแต่ละนัดมันยิ่งบั่นทอนกำลังใจในการลงสนามไปเรื่อย ๆ เล่นดีก็แพ้ เล่นไม่ดีก็โดนยิงยับ นักเตะหลายคนเตรียมมองหาสโมสรใหม่ไปแล้วด้วยซ้ำ


ดังนั้น เมื่อ ฮาว เข้ามาทำทีม ปัญหา​ใหญ่ที่เขาเจอและรีบแก้ไขคือทัศนคติของนักเตะ แม้ว่าช่วงแรกจะยึด 11 ตัวจริงไม่ต่างตากของ บรูซ มากนัก แต่พอได้ลงซ้อมบ่อย ๆ เขาก็เริ่มมองเห็นแล้วว่าปัญหาที่เจออยู่นี้ควรแก้ไขอย่างไร


Chornicle news สื่อหลักของเมืองนิวคาสเซิ่ลเผิดเผยว่า ฮาว ได้พูดคุยกับนักเตะเยอะมากในช่วงที่เริ่มงาน เขาพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเกม และให้สัญญากับนักเตะว่าผลงานของทีมจะดีขึ้นอย่างแน่นอนหากทุกคนให้ความร่วมมือกับเขา อีกทั้งยังเปิดรับฟังทุกความคิดเห็นจากทุกคนในทีม ทั้งเรื่องระบบการเล่น ตำแหน่งการยืน รวมไปถึงการแชร์ไอเดียร่วมกัน จนในที่สุดเขาก็เริ่มรับรู้ได้ว่า ทีมชุดนี้มีดีพอสำหรับภารกิจที่รออยู่ในอนาคต


4 นัดแรกที่เขาคุมทีม ฮาว เลือกใช้ 4-4-2 และมีบางช่วงที่ใช้ 3-4-3 บ้างตามคู่แข่งที่เจอ โดย 4 นัดที่ว่าคือเกมที่แพ้ อาร์เซน่อล 0-2, เสมอ นอริช แบบน่าเจ็บใจ 1-1 เพราะต้องเล่น 10 คนร่วมชั่วโมง, เฉือนชนะ เบิร์น​ลี่ย์ 1-0 และมาเจอจุดเปลี่ยนในเกมแพ้ เลสเตอร์ 0-4 


ความจริง ฮาว ต้องได้คุมตั้งแต่เกมเจอ เบรนท์ฟอร์ด แล้วนะครับ แต่ตัวเขาดันมาตรวจเจอเชื้อโควิดเวียก่อนจึงไม่ได้ลงคุมทีมด้วยตัวเอง มาลงสนามจริงคือเกมใหญ่กับ อาร์เซน่อล​ นั่นเลย




นิว​คาสเซิ่ล ในการคุมของ ฮาว ค่อย ๆ ลบภาพของการเป็นทีมจอมอุดในยุคของ บรูซ ไปทีละนิด แม้จะไม่ได้เปิดเกมรุกลุยแหลกก็จริง แต่ทรงบอลและวิธีการเล่นค่อย ๆ พัฒนาไปในทิศทางบวกมากขึ้นเรื่อย ๆ


จุดอ่อนสำคัญที่ทีมเสียแต้มเรี่ยราดมาตบอดก็คือความผิดพลาดส่วนบุคคลในเกมรับ จามาล ลาสเซลส์ กัปตันทีมกลายเป็นบ่อที่ปล่อยให้แต้มหลุดมือไปในหลาย ๆ นัด 


ฮาว ไม่มีตัวเลือกในตำแหน่งเซน​เตอร์​ฮาล์ฟมากนัก เขาจึงทำได้แค่ลองปรับเปลี่ยนแผนการเล่นมาเป็น 4-3-3 หลังจากวันที่แพ้ เลสเตอร์ 0-4 ซึ่งโปรแกรมช่วงนั่นค่อนข้างโหดเพราะต้องเจอกับทีมใหญ่ล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และต่อด้วย แมนฯ ยู​ไนเต็ด​ ซึ่งหลังจากใช้ 4-3-3 ทีมของ ฮาว แพ้ 2 และยันเสมอปีศาจแดงได้ 1-1 สิ่งที่เป็นสัญญาณอันดีคือในการเจอกับทีมใหญ่พวกนี้ ฮาวค้นพบสมดุลบางอย่างในทีมของเขา


อดีตกุนซือของ บอร์นมัธ เลือกปรับ โจเอลินตัน จากกองหน้าให้ถอยมาเป็นกองกลางตัวทำเกม ซึ่งครั้งแรกที่ค้นพบไอเดียนี้คือวันที่เสมอกับ นอริช 1-1 โดยวันนั้นทัพสาลิกาดงต้องเล่นแค่ 10 คนนานถึง 80 นาที เนื่ิองจาก เคียแรน คล้าร์ก มาโดนใบแดงตั้งแต่นาทีที่ 9 แล้วปรากฏว่าเป็น โจเอลินตัน นี่แหละที่ถอยตัวเองลงมาเล่นต่ำจนแทบจะเป็นกองกลางไปเลย


ฮาว เริ่มมาปรับให้ โจเอลินตัน ลงต่ำเป็นกองกลางเต็มตัวก็ในเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-4 ก่อนจะนำมาปรับใช้อีกครั้งในเกมเสมอปีศาจแดงซึ่งดาวเตะชาวบราซิลทำผลงานได้เยี่ยมจนคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปเลย


นอกจากนี้เขายังเปลี่ยนนายทวารจาก คาร์ล ดาร์โลว์ มาเป็น มาร์ติน ดูบราฟก้า เนื่องจาก ดาร์โลว์ แสดงความผิดพลาดในการตัดบอลและยืนตำแหน่งไม่ดีเลย ต่างจาก ดูบราฟก้า ที่ค่อนข้างนิ่งกว่าและตัดสินใจในจังหวะ 50-50 ได้ค่อนข้างเยี่ยม


ในแดนกลาง ฮาว ขยับ โจ วิลล็อค จากปีที่แล้วเล่นอิสระขึ้นสูงเหมือนเป็นกองกลางตัวรุก ปีนี้เขาขยับอดีตเด็กปืนให้ลงต่ำกว่าเดิมคอยไล่บอล เป็นตัวเก็บกวาด และเป็นคนที่คอยช่วยสกรีนบอลก่อนหลุดไปแดนหลัง โดยทำงานร่วมกับ จอนโจ เชลวี่ย์ แต่ทางด้าน เชลวี่ย์ จะเติมสูงกว่าเล็ก ๆ เพราะมีทีเด็ดอย่างการเก็บตกแถวสองและยิงไกลค่อนข้างได้ลุ้น


จุดเปลี่ยนสำคัญนอกจากปรับทัศนคติ, ปรับแผนการเล่น, และปรับบทบาทของนักเตะในทีมแล้ว การเสริมทัพตอนช่วงวินเทอร์ก็มีส่วนที่ช่วยให้ผลงานดีขึ้น 


นักเตะอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ เข้ามาเติมเต็มเกมรับด้านขวาได้เป็นอย่างดีและสวมบทฮีโร่ยิงประตูให้ทีมได้อีกต่างหาก ขณะที่ คริส วู้ด แม้จะไม่ได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่การยืนค้ำแดนหน้า คอยพักบอล โหม่งชง และช่วยต่อบอลให้เพื่ิอนร่วมทีม นี่คือเหตุผล​หลักที่ ฮาว ดึงตัวมาร่วมทีม


นับตั้งแต่แพ้ แมนฯ ซิตี้ เละเทะ 0-4 ตอนกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา นิวคาสเซิ่ล ของ ฮาว ไม่แพ้ทีมไหนในลีกอีกเลยเป็นจำนวนถึง 8 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว โดยเก็บชัยชนะได้ถึง 5 เสมอ 3 และทะยานจากบ๊วยมาอยู่อันดับ 14 มีคะแนนเหนือโซนนกชั้นไกล 7 คะแนนเข้าไปแล้ว




เหตุผลในสนามคือแท็กติก​และการทำทีมที่ค่อนข้างฉลาดของ ฮาว แต่นอกสนามก็ปฏิเสธ​ไม่ได้เช่นกันว่าด้วยเม็ดเงินของ PIF ที่เป็นเจ้าของคนใหม่นั้น มีส่วนต่อผลงานของทีมด้วยเช่นกัน


การเปลี่ยนมือเจ้าของจาก ไมค์ แอชลี่ย์ มาเป็น กลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง​นั้น นโยบายการทำทีมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เห็นชัด ๆ คือการลงตลาดซื้อขายในเดือนมกราคมไม่ได้เป็นไปในแบบจำกัดจำเขี่ยอีกต่อไปแล้ว พวกเขาพร้อมทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทัพให้ในงบประมาณที่มากกว่าเดิม อีกทั้งยังวางแผนถึงเรื่องการพัฒนา​สนามซ้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในทีมให้รุดหน้าเทียบเท่าสโมสรชั้นนำอีกด้วย


อแมนด้า สเตฟลีย์ และบอร์ดบริหาร ยาเซอร์ อัล-รูมายยาน ประธาน PIF และ เจมี่ รอยเบน 3 คนนี้เป็นผู้กุมอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของทีม โดยเป้าหมายของ นิวคาสเซิ่ล ฤดูกาล​นี้อาจเป็นแค่การหนีตกชั้นก็จริง แต่เป้าหมายระยะยาวนั้นชัดเจนว่าต้องการกระโดดขึ้นไปอยู่หัวตารางในอนาคตอันใกล้


สเตฟลี่ย์ ให้สัมภาษณ์ว่า "เราต้องการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า นี่คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทีม เราอยากเห็นถ้วยแชมป์ก็จริง แต่เราก็รู้ดีว่าจำเป็นต้องใช้การลงทุน, เวลา, ความอดทน และทีมเวิร์ก ดังนั้นทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปตามลำดับ" 


แน่นอนว่าปีนี้การหนีตกชั้นน่าจะโล่งใจสบายปอดมากขึ้น ส่วนในปีหน้า จับตาดู นิวคาสเซิ่ล ทีมนี้ไว้ให้ดีเลยครับ ผมว่าอย่างน้อย ๆ ซัมเมอร์ที่จะถึงน่าจะมีการสังคายนา​ครั้งใหญ่อีกหน แถมจะเป็นการขยับตัวที่ส่งแรงกระเพื่อมไปถึงหลาย ๆ ทีมในลีกก็เป็นได้



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด