ตั้งแต่เข้าปี 2024 ผลงานของทั้งคู่ดูขาดประสิทธิภาพลงไปมากอย่าง ดาร์วิ่น ที่ปกติใช้โอกาสเปลืองอยู่แล้ว ก็ยังไม่ฟื้นแปลงโอกาสจะแจ้ง 14 ครั้งเป็นแค่ 3 ประตู (21.43 %) ด้านตัวความหวังอย่าง ซาลาห์ ก็กราฟขาลง แปลงโอกาสจะแจ้ง 12 ทำได้ 5 ประตู (41.67 %) 

สถิติดังกล่าวไม่ดีพอสำหรับทีมที่ลุ้นความสำเร็จแน่นอน ซึ่ง คล็อปป์ ก็ทราบดี แต่ในเมื่อสตาฟฟ์โค้ชทั้งปลุกทั้งปั้นแก้ไขจุดบกพร่องในสนามซ้อมไปแล้ว ลำดับต่อไปมีแค่เขาทั้งสองคนต้องชนะใจตัวเองให้ได้ 

“ก็หนืดจริงๆ พวกกองหน้าต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้ เรื่องมันเป็นเช่นนั้น นี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตกองหน้า” การเปิดปากในงานแถลงความพร้อมก่อนพบ เวสต์แฮม (27 เม.ย.)

“อย่างผู้รักษาประตูที่ทำมากว่า 500 เซฟ แต่พอเหวอหนเดียว - ทุกคนก็เอาแต่พูดถึงมัน” 

https://twitter.com/LFC/status/1783846589418594783

“ชีวิตกองหน้าคุณพังตาข่ายตลอดเวลา จากนั้นพอไม่สามารถทำมันมาสักระยะ ก็จะเกิดคำถามทำไมคุณเท้าบอด” 

“เรื่องเดียวกันบางครั้งมันอาจเป็นสิ่งที่ยากสุดในโลก หรือบางทีก็แสนง่ายดายบนพื้นพิภพเช่นกัน ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ได้รับ” 

“เรามีโอกาสจะแจ้งเกมพบ เอฟเวอร์ตัน (แพ้ 0-2) แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เร่งการจบสกอร์เกินไป ดังนั้นก็ต้องปั้นโอกาสซ้ำแล้ว ซ้ำอีก และพยายามไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อจบสกอร์ให้ลง” 

“บางทีมันอาจมีบุรุษหรือสตรีที่ร่ำรวยล้นฟ้า หากสามารถเขียนตำราว่าทำอย่างไรผู้เล่นกองหน้าถึงกลับไปแสดงสุดยอดผลงานอีกครั้ง”

“คุณต้องผ่านมันให้ได้เอง ผมก็จะช่วยพวกเขาเร่งฝีเท้าขึ้น แต่นั่นไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพของเด็กทั้งสองแต่อย่างใด” 

สำหรับ ดาร์วิ่น หากปี 2024 ว่าใช้โอกาสเปลืองย้อนไประหว่าง ส.ค.-ธ.ค. 2023 หนักข้อกว่า แปลงโอกาสจะแจ้ง 18 ครั้งเป็นแค่ 3 ประตู (16.67 %) ส่วน ซาลาห์ ช่วงเวลาเดียวกัน แปลงโอกาสจะแจ้ง 17 ครั้งเป็น10 ประตู (58.82 %)